นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ออกตัวฟังหน่วยข่าวอีกรอบ ชี้คนต่างด้าวร่วมชุมนุมไม่ใช่การแสดงออกทางการเมืองที่แท้จริง
เมื่อ เวลา 11.00 น. วันนี้(23 พ.ย.) ที่อาคารสำนักงานจัตุรัสจามจุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (OSOS) ถึงกรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย แสดงความเป็นห่วงที่จะเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย.ว่า จะได้ไม่คุ้มเสีย และเสนอให้มีการทบทวนหรือส่งคนไปแทน ว่า ผู้จัดงานมีความตั้งใจที่จะสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องเศรษฐกิจ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้จัดงานก็ยังอยากให้ตนเดินทางไปร่วมงานดังกล่าว แต่อย่างที่ตนเคยบอกคือ จะขอฟังรายงานด้านการข่าวและความเห็นจากฝ่ายต่างๆ เมื่อถามว่าหากความเห็นของฝ่ายความมั่นคงเสนอว่าไม่ควรจะเดินทางไป จะยกเลิกการเดินทางใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในชั้นนี้เท่าที่ได้พูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงยังไม่มีอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบการร่วมสัมมนาโดย ใช้การโฟนอินหรือวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์แทน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิธีการดังกล่าวสามารถทำได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่การข่าวรายงานว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงใน ช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้จะมีการนำแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้าร่วมชุมนุมด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงจะรายงานให้ที่ประชุม ครม. ทราบในวันที่ 24 พ.ย. นี้ ก่อนหน้านี้มีข่าวการใช้คนต่างด้าวเข้ามาชุมนุมรายงานมาเป็นระยะๆ และขอเตือนว่าอาจจะมีบางเรื่องที่ผิดกฎหมายรวมทั้งจะเป็นตัวบ่งบอกอย่าง หนึ่งด้วยว่า ถ้ามีการนำคนต่างด้างเข้ามาชุมนุมอย่างนี้ ก็ไม่ใช่การชุมนุมเพื่อการแสดงออกของคนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นทางการ เมือง เพราะฉะนั้นเราต้องเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ วันนี้ยืนยันว่าคนส่วนใหญ่ต้องการให้ทุกอย่างคืนต่อไปได้ เศรษฐกิจก็ดีขึ้นโดยลำดับ บรรยากาศหลายอย่างก็ดีขึ้น ปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นค่อนข้างชัดเจน เพราะฉะนั้นหากเรามาทำลายโอกาสกันเอง หากคิดว่าอะไรที่ไม่เป็นธรรมตนก็ยินดีดูแลและสะสางให้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงตั้งเป้าว่าจะล้มล้างรัฐบาลให้ได้ และเหตุการณ์ครั้งนี้จะหนักกว่าเดือน เม.ย. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นวิธีการแบบนี้ต้องบอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตย เมื่อถามว่าแล้วรัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องมีมาตรการและวิธีการในการเข้มงวด และอาจต้องมีการตรวจสอบ.
ที่มา เดลินิวส์