กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เชียงใหม่เร่งทำฝนหลวง แก้หมอกควันเตรียมประสานทหารขอ ซี 130 ช่วย ทูตจีนแถลงตอบโต้ ปัดไม่ได้เป็นต้นเหตุทำโขงแห้ง โอด เคยแล้งถึงขั้นทะเลาะแย่งน้ำเหมือนกัน แจง เขื่อน ปล่อยน้ำตามธรรมชาติ “เอ็นจีโอ” เซ็งปัดความรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก นายเฉิน เต่อไห่ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองและข่าวสารของสถานทูตจีน กล่าวว่า ตามที่มีสถานการณ์ภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของไทย รวมทั้งหลายประเทศในลุ่มน้ำล้านช้างหรือแม่น้ำโขง แล้วมีการกล่าวหาอย่างไร้หลักฐานว่า เขื่อนในประเทศจีนเป็นต้นเหตุ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เมื่อปลายปี 2552 ที่ผ่านมา ทางมณฑลยูนนาน เสฉวน ฮุ่ยโจว ก็เพิ่งประสบภัยแล้งอย่างรุนแรงจนถึงขั้นทะเลาะแย่งน้ำกันมาแล้ว การกล่าวหาดังกล่าวจึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
นายเฉิน กล่าวต่อว่า ในแถลงการณ์ของคณะกรรมการลุ่มน้ำโขง (เอ็มอาร์ซี) ระบุไว้ว่าในปี 2005-2009 ภาคเหนือและภาคตะวันออกของไทยประสบกับภาวะแห้งแล้ง เพราะมีฝนตกต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีผลตกเฉลี่ยเพียง 20 มิลลิเมตร แทนที่จะเป็น 52 มิลลิเมตร ตามเกณฑ์ปกติ จึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้น้ำในแม่น้ำโขงลด อยากบอกว่าพื้นที่เขตแม่น้ำโขงในส่วนของจีน ครอบคลุมพื้นที่ 23.5% ของแม่น้ำโขงทั้งสาย และมีปริมาณน้ำทั้งหมด 60,400 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 13.5% ของแม่น้ำโขงทั้งหมดที่ไหลออกสู่ทะเล จึงขอยืนยันว่าแม้ประเทศจีนจะสร้างเขื่อนเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าจริง ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศท้ายน้ำ
น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังในการแถลงข่าวครั้งนี้เพราะจีนไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อ ประเทศท้ายน้ำอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกักน้ำและปล่อยน้ำจากเขื่อนของจีน แม้จีนจะอ้างว่าได้รายงานตัวเลขปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ต่อเอ็มอาร์ซี แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ไม่ได้มาถึงประชาชนผู้เดือดร้อนอย่าแท้จริง ทั้งที่พื้นที่ของจีนกับไทยห่างกันไม่มาก จึงหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้
นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.แม่ฮ่อง สอน กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ทางจังหวัดจำเป็นต้องประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบพิบัติภัยแล้ง 7 อำเภอ 42 ตำบล 395 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 76,232 คน พื้นที่เกษตรเสียหาย 10,569 ไร่ มูลค่าความเสียหายรวม 8,716,050 บาท จึงได้สั่งการให้จัดสรรน้ำและขุดลอกคลอง เพื่อรับน้ำจากภูเขาอย่างเร่งด่วนแล้ว
สำหรับปัญหาหมอกควันในพื้นที่ทางภาคเหนือ นายทรง กลิ่นประทุม ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง และ อบจ.เชียงใหม่ ร่วมกันประชุมวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2553 จากนั้นนำเครื่องบิน แบบเซสนา 2 ลำ บรรทุกสารโซเดียมคลอไรด์ ลำละ 1,000 กิโลกรัม บินขึ้นโปรยสู่อากาศในระดับความสูง 8,500 ฟิต เหนือ อ.ฮอด อ.ดอยเต่าและ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สร้างความชุ่มชื้นในอากาศ ให้เกิดฝน ตก เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและหมอกควันในพื้นที่
โดยนายทรง เปิดเผยว่า ปัญหาภัย แล้งและหมอกควันทางภาคเหนือ ในช่วงนี้ถือว่ารุนแรงมาก ล่าสุดได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ในหลายอำเภอของจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง เชียงใหม่และเพชร บูรณ์ ให้ช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้ง หมอกควันและไฟป่า จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกให้การช่วยเหลือ โดยทำการบินโปรยสารเคมีทำฝนหลวงวันละ 3 เที่ยวบินอย่างต่อเนื่องเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ด้านนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันจากการเผาป่าในพื้นที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการสั่งการให้นำรถน้ำออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งยังจะนำรถน้ำออกฉีดพ่นละอองฝอย เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหมอกควัน นอกจากนี้ยังเตรียมประสานทหารขอให้นำเครื่องบิน ซี 130 เข้ามาร่วมปฏิบัติการทำฝนหลวงด้วย.
ที่มา เดลินิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|