• ยึด ทำเนียบหมอกุศลยังทำมาแล้ว ผิดจรรยาแพทย์ป้ายสีเลือดเสื้อแดงย่อมนับว่าธรรมดา |
โพสต์โดย //* , วันที่ 02 เม.ย. 53 เวลา 01:14:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ยึด ทำเนียบหมอกุศลยังทำมาแล้ว ผิดจรรยาแพทย์ป้ายสีเลือดเสื้อแดงย่อมนับว่าธรรมดา
ผลงานยึดทำเนียบเป็นประกัน - นายแพทย์กุศล ประวิชไพบูลย์ ที่อ้างเป็นกลุ่มพี่น้องมหิดลตรวจเลือดคนเสื้อแดงพบโรคร้ายและมีเลือดควาย เจือปน มีปูมประวัติร่วมชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตร
โดย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในเวทีชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นช่วงท้ายๆที่พันธมิตรกำลังยึดสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ด้วย
(คลิ้ก ฟังคำปราศรัยของนายแพทย์กุศลบนเวทีพันธมิตรยึดทำเนียบรัฐบาล)
http://www.managerradio.com/Radio/DetailRadio.asp?program_no=1002&mmsID=1002%2F1002%2D7514%2Ewma&program_id=20243
ไม่เนียน!หมอ กุศลตรวจเลือดเสื้อแดงที่แท้เคยร่วมพธม.ยึดทำเนียบรัฐบาล
น.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์ ผู้ออกมาระบุตรวจเลือดคนเสื้อแดงเจอไวรัสตับอักเสบ-เชื้อเอดส์
และพบเป็นเลือดวัว เลือดควายเจือปนนั้น จากการตรวจสอบพบว่าแพทย์คนนี้เป็นแพทย์ทางด้านเสริมจมูก ศัลยกรรมใบหน้า ชื่อเฟเชียลคลินิก http://www.kusolfacial.com/
เคยมีประวัติต่อต้านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
โดยเคยเข้าชื่อต่อต้านทักษิณก่อนถูกทำรัฐประหารเพียงไม่กี่วัน
(ดูราย ละเอียด) http://www.thaioctober.com/forum/index.php?topic=4.60;wap2
รพ.รามา ปัดตรวจเลือดเสื้อแดง-แพทยสภาเตือน "พี่น้องมหิดล" อาจเข้าข่ายผิดวิชาชีพ
ผอ.รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยัน รพ.รามาธิบดีไม่เคยมีการนำเลือดคนเสื้อแดงมาตรวจ
ปัด ไม่รู้จัก นพ.กุศล ประวิชไพบูลย์ ด้านแพทยสภาเตือน "พี่น้องมหิดล" อาจเข้าข่ายกระทำผิดวิชาชีพแพทย์กรณีตรวจเลือดม็อบ ชี้ต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภา 8 เมษานี้
จาก กรณีที่กลุ่มพี่น้องมหิดล นำโดย น.พ.กุศล ประวิชไพบูลย์
ได้ ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลออกมาตรการดูแลประชาชนที่ไปชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจติด เชื้ออันเนื่องมาจากการเทเลือดไปตามสถานที่ต่างๆ
และได้มีการแถลงข่าวถึงการเก็บตัวอย่างเลือดของกลุ่มคนเสื้อแดง
ไปตรวจยัง ห้องแล็ปโรงพยาบาลรามาธิบดีว่า พบเชื้อไวรัสติดต่อร้ายแรง 3 ชนิด คือ
เชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบซี และเชื้อไวรัสเอชไอวี (เชื้อเอดส์) นอกจากนี้จากการตรวจผลดีเอ็นเอยังพบว่าเลือดดังกล่าวมีส่วนผสมของเลือดหมู
และเลือดคนผสมกันวันนี้ (1 เม.ย.53) เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า
รศ. นพ.ธันย์ สุภัทรพันธุ์ ผอ.รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีที่มีการอ้างว่าเก็บตัวอย่างส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของโรง พยาบาลรามาธิบดีว่า
ไม่รู้จัก นพ.กุศล ประวิชไพบูลย์
และคิดว่านายแพทย์คนดังกล่าว ก็คงไม่ได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรามาธิบดี
และไม่ได้เป็นคนของโรงพยาบาล
ทั้งนี้ จากการสอบถามไปยังหัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา ก็ไม่พบว่า
มี การส่งเลือดมาตรวจ อีกทั้ง โรงพยาบาลรามาธิบดี ไม่เคยให้บริการตรวจเลือดในลักษณะเช่นนี้ ดังนั้น ยืนยันว่าโรงพยาบาลรามาธิบดีไม่ได้ตรวจเลือดผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน
ส่วน ที่มีการอ้างว่า ทางรามาฯ เป็นผู้ตรวจเลือด อาจเพราะเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จึงขอชี้แจงว่าการจะเอาเลือดใครมาตรวจจะต้องมีการลงทะเบียนมีผู้นำส่งตรวจ
จู่ๆ ใครจะเอาเลือดมาตรวจไม่ได้ ถ้ามีจริงทางหัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยาจะต้องรู้
ในส่วนความคิดเห็น จากองค์กรแพทยสภาต่อกรณีดังกล่าว
มติ ชนออนไลน์รายงานว่า นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการจริยธรรมแพทยสภาที่
จะมี การประชุมในวันที่ 8 เมษายนนี้ โดยต้องมีการพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าว
เข้า ข่ายผิดหลักเกณฑ์นำวิชาชีพ เวชกรรมไปทำในสิ่งที่ไม่ใช่วิชาชีพแพทย์หรือไม่ และต้องแยกเรื่องดังกล่าวออกจากประเด็นการเมือง ซึ่งหากมีเชื้อเอชไอวีจริงผู้ที่โดนสาดใส่ตามร่างกายก็สามารถมาร้องต่อแพทย สภาได้
หากมีการติดเชื้อ ส่วนโอกาสการติดเชื้อเอดส์ ถือเป็นเรื่องยากเนื่องร่างกายมีผิวหนังป้องกัน ยกเว้นแต่มีบาดแผลและถูกสาดด้วยเลือดที่มีเชื้อเข้มข้นด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า
ตามหลักวิชาการทางการแพทย์ หากใครก็ตามที่ได้รับเลือด
หรือคิดว่าตนเองเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์ เช่น กรณีที่เลือดเข้าตา ปาก หรือแผล
สามารถ ขอรับยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ซึ่งต้องรับยาในระยะเวลาเร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมง และต้องตรวจเลือดซ้ำทุก 3 เดือน หากไม่พบก็ถือว่าไม่ติดเชื้อ ซึ่งได้แนะนำผู้ที่คิดว่าตนเองเสี่ยงให้รับยาเร็วที่สุดตั้งแต่วันแรก
แต่หากยังกังวลก็สามารถไปรับการตรวจเลือดได้อีก
"เชื้อไวรัสตับ อักเสบ ถือว่าติดต่อได้ยาก จะต้องโดนเข็มแทง หรือรับโดยตรงปริมาณมาก
จึง ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่เชื้อเอดส์ถือว่าน่าเป็นห่วงที่สุด หากเข้าตาถือว่าอันตรายมากกว่าบริเวณอื่น เพราะหากเข้าปากยังมีน้ำย่อยค่อยทำลายได้ หรือหากมีแผลตามมือ เท้า ประกอบกับขึ้นอยู่กับขนาดแผลและความเข้มข้นของเชื้อ โอกาสก็จะสูงตามไปด้วย แต่หากพบเพียงแผลถลอกเล็กน้อยโอกาสเสี่ยงก็น้อยลง ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้สื่อข่าว
ที่โดนเลือดเข้าตา ก็ได้แนะนำให้รับยาจากกรมควบคุมโรคไปแล้ว" นพ.ไพจิตร์ กล่าว
นพ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องผลการตรวจเลือด คงจะประสานไปยังทางโรงพยาบาลที่รับตรวจเสียก่อน
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2209 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย //*
IP: Hide ip
, วันที่ 02 เม.ย. 53
เวลา 01:14:01
|