• พักสักนิดกับสาระนิดหน่อย |
โพสต์โดย ชนะใจตัวเองกันบ้าง , วันที่ 28 เม.ย. 53 เวลา 19:11:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
มี I.Q ปราศจาก E.Q ก็ไร้ผล
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าผู้ที่มีสติปัญญาดีเลิศ หรือคนที่มีไอคิวสูงมาก ๆ ถึงขั้นระดับจีเนียสหรืออัจฉริยะ อนาคตจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถสำเร็จในชีวิตมีความสุขในสังคม แต่ปัจจุบันพบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่มีสติปัญญาดีเท่านั้น อัจฉริยภาพยังฉายชัดถึงความสามารถในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ความเป็นผู้นำ ฯลฯ ซึ่งหลายคนประสบความสำเร็จตั้งแต่เยาว์วัยและอีกหลายๆคนก็อาจไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เลยในชีวิต แล้ว I.Q. & E.Q. คืออะไร
I.Q. ย่อมาจาก Intelligence Quotient หมายถึง ความเฉลียวฉลาดทางสติปัญญา ซึ่งเกิดจาก 2 ส่วน คือ จากยีนส์หรือพันธุกรรม และอีกส่วนมาจากการเลี้ยงดู มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ไอคิวสามารถพัฒนากันตั้งแต่ชีวิตเริ่มอุบัติตลอดจนการเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยความรักเอาใจใส่อย่างถูกทาง จะช่วยเสริมสร้างไอคิวและสร้างเซลล์สมองให้เพิ่มขึ้นและถ้าพ่อแม่เป็นผู้มีสติปัญญาดี ลูกก็จะได้รับสิ่งที่ดีตกทอดด้วย ซึ่งมีส่วนสร้างเสริมไอคิวแก่ลูกน้อยได้
การพัฒนาไอคิวนั้น ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไอคิวได้บอกไว้ว่า เครื่องมือวัดไอคิวหรือไอคิวเทสต์สามารถจะวัดได้ตั้งแต่เกิด บางเครื่องมือวัดตั้งแต่อายุ 14 ปีขึ้นไป แต่การวัดไอคิวต้องอาศัยปัจจัยบางอย่าง เช่น สภาพแวดล้อมรอบตัวกิริยาอาการ สีหน้าแววตา ท่าทาง ฯลฯ ซึ่งล้วนมีผลต่อการทำการทดสอบทั้งสิ้น
ปัญหาที่มักพบจากการศึกษาคือ ครอบครัวไม่มีการปลูกฝังจิตใจที่ดีให้แก่เด็ก สอนเด็กให้รู้จักที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ดังนั้นเราจึงพบปัญหาความขัดแย้ง เด็กไม่สามารถปรับตัวในสังคมที่เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ เมื่อประสบปัญหาในชีวิตก็ไม่หาหนทางแก้ไข ทางออกของเขาจึงเป็นไปในทางที่ผิด เช่น อาจตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อหลีกหนีปัญหา
นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่มี “ ไอคิวสูง ” หรือมีอัจฉริยภาพเพียงอย่างเดียวนั้นอาจไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะภาวะสังคมที่เป็นพิษ ทำให้จิตใจคนแปรเปลี่ยนไป สมองเฉื่อยชา ไม่รู้วิธีจัดระบบให้กับตัวเอง คนประเภทนี้เราเรียกว่าคน “ อีคิวต่ำ " ถึงแม้ว่าสติปัญญาจะดีเลิศ มีระดับไอคิวสูงขนาดไหน แต่ถ้าเป็นคนอีคิวต่ำ สมองที่เคยปราดเปรื่องก็อาจนอกลู่นอกทางได้
E.Q. ย่อมาจาก Emotional Quotient หรือ Emotional Intelligence หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์ คนที่มีอีคิวดี คือ คนที่รู้จักและเข้าใจอารมณ์ตัวเองได้ รู้จักแยกแยะควบคุมอารมณ์ได้ และสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างถูกต้องตามกาลเทศะและปรับตัวให้เข้ากับสังคมอย่างเหมาะสม ช่วงไม่กี่ปีมานี้ กระแสอีคิวกำลังมาแรง อาจเป็นด้วยว่าภาพสะท้อนของผู้คนในสังคมเริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อใดก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม ระบบของอีคิวจะเริ่มเสีย รัฐจึงควรหาปัจจัยเกื้อหนุนส่งเสริมสุขภาพทางจิตใจให้มากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าระยะ 10 ปีที่ผ่านมาสุขภาพจิตของคนเราเสื่อมลงมาก มีปริมาณคนไข้ทางจิตสูงขึ้น
ปัจจุบันนี้อีคิวเริ่มมีบทบาทเด่นชัดขึ้นในแวดวงการศึกษา ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีเด็กที่เรียนเก่งจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆได้ หรืออย่างเหตุการณ์ที่เด็กสอบได้เกรดเฉลี่ยไม่ดีแล้วฆ่าตัวตาย ซึ่งกรณีเช่นนี้มันไม่ใช่ปัญหาของเด็กคนนั้นอย่างเดียว แต่มันหมายถึงสังคมหรือกลไกการศึกษาของเราละเลยเรื่องความสามารถทางอารมณ์ด้วย
มีงานสำรวจจากหลายประเทศบอกว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต อีคิวมักจะนำไอคิว ซึ่งขณะนี้อีคิวสามารถวัดได้จากแบบทดสอบ โดยประเมินจากบุคลิกภาพเป็นการประเมินจากความคิดเห็น ซึ่งวัดได้ยากกว่าไอคิว อีคิวสามารถประเมินได้แล้ว ถ้าประเมินแล้วพบว่าอีคิวไม่ดีก็สามารถแก้ไขได้ โดยขั้นแรกพ่อแม่ต้องแสดงออกถึงความรักที่ถูกทาง ต้องสอนให้เด็กรู้จักรอคอยฝึกการอดทนและสอนให้แก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้ ฝึกให้เป็นคนยืดหยุ่น มองโลกในแง่ดี รู้จักการให้ การเสริมสร้างอีคิวแก่เด็กไม่ใช่เรื่องยาก หากพ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก
สรุปง่ายๆ ก็คือ ไอคิวกับอีคิวจึงควรต้องพัฒนาไปพร้อมๆกันและให้ทั้งสองสิ่งอยู่คู่กันอย่างสมดุล เพื่อให้ชีวิตดำเนินไปอย่างปกติสุข
............................................................................................................................................
ขอขอบคุณบทความของ รศ.ดร. นัยพินิจ คชภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยชีววิทยาระบบประสาทและพฤติกรรม สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหิดล
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1384 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ชนะใจตัวเองกันบ้าง
IP: Hide ip
, วันที่ 28 เม.ย. 53
เวลา 19:11:01
|