• 'มาร์ค'เตรียมประกาศใช้เคอร์ฟิวส์ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 16 พ.ค. 53 เวลา 14:05:06 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
(16พ.ค.) เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การปิดล้อมพื้นที่รอบสี่แยกราชประสงค์ของกลุ่มเสื้อแดง ว่า ในพรุ่งนี้เป็นที่ทราบกันว่าจะเป็นวันเกิดเทอมของโรงเรียนต่างๆ ดังนั้นผู้ปกครอง พ่อ แม่ จึงมีความเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกหลาน ดังนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนจึงได้สั่งการไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อประสานไปยังกรุงเทพมหานคร ว่าให้โรงเรียนต่างๆในกรุงเทพมหานคร ควรต้องเลื่อนการเปิดเทอมออกไปอีกเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ เรื่องนี้ตนเข้าใจดีว่าหัวอกพ่อแม่คงจะไม่ต้องการลูกหลานเดินทางในกรุงเทพ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้นไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่อยู่ในการชุมนุมเป็นหลัก แต่จะรวมโรงเรียนในกรุงเทพฯทั้งหมด ซึ่งจะให้กระทรงวศึกษาธิการ และกรุงเทพมหานคร ได้มีการดำเนินการในการประกาศให้เลื่อนวันเปิดเทอมออกไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ได้มีการเสนอแนะที่จะป้องกันไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเวลานี้ให้เข้าไปอยู่ในสถาการณ์ หรือตกไปเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ดังนั้นการห้ามของการใช้พื้นที่ การห้ามเดินทาง หรือการประกาศเคอร์ฟิวส์ ซึ่งทางนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศอฉ.ที่กำลังประชุมกรรมการศอฉ.อยู่ในเวลานี้ ซึ่งคาดว่าในช่วงสายๆ คงจะมีการรายงานผลการประชุมให้ได้รับทราบต่อไปว่าศอฉ.จะมีการประกาศมาตรการอะไรในลักษณะนี้หรือไม่
" สำหรับภาพรวมของสถานการณ์ในขณะนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสีย คือ การยุติการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมเป็นเงื่อนไขที่อาจจะทำให้เกิดความรุนแรงได้ตลอดเวลา สิ่งที่เป็นปัญหาที่เราทราบกันอย่างดีว่า บทบาทของกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือกองกำลังที่ติดอาวุธนั้น นับวันยิ่งมีบทบาทสูงขึ้น จากเดิมเราจะเห็นว่าการเลคื่อนไหวจะเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ของผู้ชุมนุม และมวลชนต่างๆ แต่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาการที่บ่งชี้ว่าในขณะนี้กลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือกองกำลังต่างๆ ที่ติดอาวุธนั้นกลับมีบทบาทสูงสุด การใช้อาวุธสงคราม การยิงเอ็ม 79 ซึ่งมีจำนวนมากมายในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เป็นตัวบ่งบอกว่าตรงนี้ทำให้เกิดปัญหาและความสูญเสียมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ที่มีผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ปฎิบัติโดยตรงได้ออกมาชี้แจงกับพี่น้องประชาชนผ่านโทรทัศน์ ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เพียงแต่เข้ากระชับวงล้อมเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการเข้าไปในพื้นที่ของการชุมนุมหลักเลย แต่ก็เกิดเหตุการณ์ทำให้เกิดความสูญเสีย " นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า การชุมนุม หรือการเข้ามาปะทะกับเจ้าหน้าที่นั้น ไม่ได้เป็นผลดี ที่จริงแล้วในขณะนี้ตามกระบวนการยุติธรรม แม้แต่เหตุการณ์ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทางศาลได้สั่งลงโทษจำคุก 6 เดือนกับคนที่เข้ามาทำลายด่าน หรือเข้ามายั่วยุเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ ดังนั้นตนจึงขอย้ำว่าไม่ว่าด้วยเหตุอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการถูกชักจูง หรือมีความคิดที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ขออย่าได้ทำเลย เพราะผิดกฎหมายและจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง กองกำลังที่ก่อการร้ายที่ใช้อาวุธสงคราม ซึ่งเรามีภาพที่เขามีการยิงเอ็ม 79 หรือแม้การใช้ปืน พวกเขาไม่ได้สนใจว่าเหยื่อตรงนั้นจะเป็นใคร ซึ่งหากเหยื่อเป็นเจ้าหน้าที่ก็แน่นอนงานของเขาบรรลุเป้าหมาย ที่เขาสามารถทอดกำลังของฝ่ายบ้านเมือง แต่หากเหยื่อเป็นประชาชน ก็หวังว่าประชาชนที่เสียชีวิตก็จะมากดดันรัฐบาล กดดันเจ้าหน้าที่ และกดดันสังคม เฉพาะนั้นจะตเห็นได้กลุ่มที่มีแรงจูงใจที่จะทำให้เกิดความสูญเสียมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ก่อการร้าย และกองกำลังติดอาวุธ " ผมอยากจะย้ำว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมด วันนี้การชุมนุมของท่านกับกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มที่ก่อการ้าย ที่มีการติดอาวุธ ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง และไม่เป็นอนวทางในการสนับสนุนแนวทางของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และไม่ได้เป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรม มีแต่ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่นิยมความรุนแรง เป็นสังคมที่จะไร้ระเบียบ ไร้กฎหมาย และสุดท้ายที่จะเดือดร้อนมากที่สุด คือ คนยากคนจน เพราะว่าสังคมใดที่ไร้กฎระเบียบ สังคมใดที่ใช้กำลังเป็นหลัก ก็จะเป็นสังคมซึ่งประชาชนไม่มีโอกาสในการที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ปกติสุข ในช่วงสองเดือนที่มีการชุมนุม พี่น้องประชาชนคนยากคนจนได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด"
นายกน กล่าวต่อไปอีกว่า ตนขอย้ำว่าวันนี้ไม่มีแนวอะไรไปกว่าจะยุติการชุมนุม สำหรับพี่น้องประชาชน หรือแกนนำผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องต่างๆ ตนขอย้ำว่าแผนการปรองดองที่มีอยู่ 5 ข้อนั้น เป็นที่มีคำตอบให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนอย่างมีเหตุผลจริงๆ ซึ่งตรงนี้เราควรจะปล่อยให้งานตรงนี้ให้เดินต่อไป และเช่นเดียวกันในเวลานี้เราไม่ควรจะต้องมาห่วงกังวลสถานะภาพของตนเอง แกนนำผู้ชุมนุมต่างๆขอให้เข้ามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ คือ ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และจะไม่เว้นใครทั้งสิ้น ตน หรือนายสุเทพ เจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อดีตนายกฯนทักษิณก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งตรงนี้คือมาตรฐานเดียวที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรม ที่จะทำให้เหตุการณ์ต่างคลี่คลายไปจนทำให้ทุกฝ่ายสามารถยอมรับได้ ดังนั้นแนวนี้รัฐบาลคือสิ่งที่รัฐบาลพยายามดำเนินการอยู่ ส่วนแนวทางอื่นๆเช่นการปรับยุทธวิธีต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ของศอฉ.ก็จะเดำเนินการอย่างโปร่งใส แต่ก็มีบางเรื่องที่เราคงจะไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่แนวทางต่างๆ ก็ยึดอยู่ในหลักการตามกฎหมาย โดยยันว่ารัฐบาลพยายามที่จะรักษากฎกติกาของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และรัฐบาลไม่ต้องการไปเป็นศัตรูกับใคร และที่สำคัญที่สุดเราเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน ไม่ต้องการไปทำร้ายใคร
" แนวทางการแก้ไขในการแก้ไขปัญหาตรงนี้กำลังกระทบความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยมีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการแก้ไขให้อยู่ เช่นเดียวกันบางวิชาชีพก็มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น ผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งตรงนี้กำลังจะดูแลที่จะให้การคุ้มครองความปลอดภัยกับบุคคลกลุ่มเหล่านี้ " นายกฯ กล่าว
-------------------
ศอฉ.จ่อใช้เคอร์ฟิวเฉพาะบางพื้นที่กรุง-แจงป้ายเขตกระสุนจริง
เมื่อเวลา 13.30 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงข่าวผลการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า ศอฉ.มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับกระทรวงพัฒนาสังคม เจ้าหน้าที่กาชาด เอ็นจีโอ ให้เข้าไปในพื้นที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ เพื่อเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะสตรี เด็ก คนชรา ออกนอกพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกในการส่งกลับให้ และขอให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทุกสาขา ได้ร่วมเข้าไปกับพี่น้องประชาชนชุดนี้ด้วย ไม่เฉพาะสตรีเด็กและคนชราเท่านั้น ชายฉกรรจ์ก็สามารถจะออกจากพื้นที่ได้แต่ต้องแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนและไม่มีอาวุธออกมา ส่วนโทษที่ทำผิดพรก.ฉุกเฉินฯนั้นถ้าหากทำตามคำเชิญชวนก็สามารถผ่อนผันโทษได้ เจ้าหน้าที่พร้อมรับฟังข้อมูลเพราะท่านอาจจะหลงผิดไป โดยจะดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง 15.00 น. วันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.)
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวภายในเขตต่างๆ และถนนเส้นสำคัญๆในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ได้ประกาศทั้งหมด ดูเฉพาะแค่พื้นที่จำเป็น ถนนเส้นสำคัญๆเท่านั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ง่ายขึ้น ไม่เป็นภาระในการแยกประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกจากกลุ่มก่อการร้าย ต้องทำความเข้าใจว่าการปิดถนนกับการเคอร์ฟิวแตกต่างกัน การปิดถนนเพื่อไม่ให้มีการสัญจร แต่เคอร์ฟิวหมายถึงห้ามพี่น้องประชาชนเข้าไปเดินในถนนเส้นนี้ วันนี้ตำรวจจะวางแผนในรายละเอียดและมาประชุมหารือเพิ่มเติมที่ศอฉ.เวลา14.30 น. เพื่อกำหนดในรายละเอียดว่าพื้นที่ไหนบ้าง
ในช่วงที่สถานการณ์ขณะนี้ทางศอฉ.ได้ข้อมูลว่ากลุ่มก่อการร้ายพยายามสร้างสถานการณ์พยายามใช้กระสุนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่ากระทำต่อเจ้าหน้าที่กันเอง อาจมีการปลอมแปลงใส่ชุดคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาจจะมีการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสื่อมวลชน ขอแจ้งว่าการปฏิบัติภารกิจของท่านให้พยายามระมัดระวัง การเข้าพื้นที่ต้องประสานเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านปลอดภัยจริงๆ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กำชับทหารตำรวจ นายด่านตรวจต่างๆ เพื่อให้อำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ ขอให้ช่วยดูแลความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่นั้นด้วย พร้อมได้สั่งการให้ฝ่ายกองทัพทั้ง ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสงบเรียบร้อย ให้ร่วมบริจาคโลหิตทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การกำหนดพื้นที่ใช้กระสุนจริง ต้องขอทำความเข้าใจว่า ไม่ได้หมายความว่าจะยิงในทุกกรณีในพื้นที่นั้น แต่เพื่อกำหนดว่าแนวกลุ่มผู่ชุมนุม ก่อการร้ายจะเคลื่อนที่เข้ามาหาเจ้าหน้าที่ไม่ได้ โดยจะดูเป็นกรณีๆไปเรายืนยันว่าจะไม่ใช่อาวุธสงครามกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธสงคราม การใช้ ปืนเอ็ม16 ทราโวล ทั้งหลายจะใช้เฉพาะยิงการข่มขวัญ ผู้ชุมนุมถืออาวุธร้ายแรง และเพื่อป้องกันชีวิตเจ้าหน้าที่ หรือในกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปใช้วิธีการอย่างอื่นได้ นอกเหนือจากนั้นถ้ามีกลุ่มเคลื่อนที่กดดัน เจ้าหน้าที่ทหาร ตร.ก็จะใช้การยิงพิกัดต่ำกว่าหัวเข่า
โฆษกศอฉ.กล่าวด้วยว่า ประเด็นข่าวลือต่างๆที่เกิดขึ้นขอให้พี่น้องใช้วิจารณญาณในการบริโภคข่าวสาร ศอฉ.จะเรียนให้ทราบอยู่ตลอดเวลา ถ้ามีข้อมูลเรื่องกองกำลังต่างชาติเข้ามา ชายแต่งกายชุดดำ 100-200 คนก็ดี การเสียชีวิตเต็มไปหมดใต้ทางด่วน ทั้งหมดเป็นข่าวสารที่จะปล่อยให้เกิดความสับสน ขอให้ตรวจข้อมูลให้ละเอียด และขอให้บริโภคสื่อให้ครบ ถ้าดูเฉพาะภาพอย่างเดียวอาจจะเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนได้ เช่นการแสดงภาพเจ้าหน้าที่ที่ตึกชาญอิสระ และภาพผู้เสียชีวิตที่ราชปรารภ ก็รายงานชัดเจนว่าเป็นพื้นที่คนละส่วน คนละกรณี หากดูเฉพาะภาพอย่างเดียวอาจจะเข้าใจผิดได้
ขอบคุณข่าวจาก คมชัดลึก - ข่าวสด
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1149 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 16 พ.ค. 53
เวลา 14:05:06
|