• อภิสิทธิ์ รับให้ พนิช ไปดูปัญหาเขตแดนจริง! |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 04 ม.ค. 54 เวลา 14:52:25 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
จากกรณีที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพ มหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์, นายวีระ สมความคิด กับพวก 5 คน ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมบริเวณ อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และถูกนำตัวไปขึ้นศาลพนมเปญ ฐานเข้าเมืองผิดกฎหมายและบุกรุกพื้นที่ทหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตกลับประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่แสดงตัวว่าเป็น ส.ส.มาตรวจสอบพื้นที่ แต่ทหารกัมพูชาไม่ฟัง อีกทั้งทางการกัมพูชายังได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะเดินเท้าเข้าไปในดินแดนที่กัมพูชา โดยในคลิปวีดีโอดังกล่าว มีเสียง พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะกำลังโทรศัพท์รายงานความคืบหน้ากับคนสนิทนั้น
ล่าสุดวันนี้ (4 มกราคม) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยอมรับว่าส่ง นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ไปดูปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา จนถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัว แต่จะมีการแถลงรายละเอียดอีกครั้งหลังการประชุมเสร็จในช่วงบ่าย อีกทั้งยังระบุว่า นายพนิช ได้โทรศัพท์มาบอกว่าจะลงพื้นที่บริเวณแนวชายแดน ก่อนที่จะถูกทางการกัมพูชาจับกุม ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ (4 มกราคม) ยังต้องติดตามผลของมติของคณะรัฐมนตรี ถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ทั้ง 7 คนไทยต่อไป
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีคลิป นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ เผยแพร่ทางเว็บไซต์ว่า คงต้องรอให้ได้ข้อมูลทั้งหมดครบมากกว่านี้ ทั้งภาพและเสียง เพราะคลิปดังกล่าวเป็นบทสนทนาเป็นช่วง ๆ ในส่วนของการเข้าไปช่วยเหลือนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เข้าไปร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม ประสานงานกันเพื่อช่วยเหลือ และคงต้องรอดูท่าทีของศาลกัมพูชาว่าจะออกมาอย่างไร ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีแผนที่จะเดินทางไปยังกัมพูชาแต่อย่างใด
ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ระบุยังไม่ได้ดูคลิปของ 7 คนไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุม พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาได้มีความพยายามประสานกับทางกัมพูชา เพื่อให้ปล่อยตัว 7 คนไทย และขณะนี้เห็นว่าไม่มีวิธีใดในการแก้ปัญหานอกจากการเจรจา โดยเฉพาะกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ โดยได้ย้ำว่าการเจรจาต้องยึดหลักในข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะขอเป็นตัวกลางช่วยประสานในการปล่อยตัว 7 คนไทยนั้น นายสุเทพ ไม่ขัดข้อง แต่ขอพิจารณาก่อน และขณะนี้เห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องให้อาเซียนช่วยเจรจา เพราะถือเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ
ในส่วนของ นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เดินทางมาที่จังหวัดสระแก้วตั้งเมื่อคืนนี้แล้ว และรวมตัวอยู่ที่ตลาดเทศบาล 2 ห่างตลาดโรงเกลือกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงได้เจรจากับแกนนำ ว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจไม่ปลอดภัยเพราะเป็นตลาดร้าง โดยให้ย้ายให้ไปชุมนุมที่สวนกาญจนาภิเษกแทน เพราะเจ้าหน้าที่สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางกลุ่มก็ยินยอม และคาดว่าจะย้ายช่วงเช้านี้ ขณะเดียวกัน ก็ไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังบริเวณชายแดน เพราะต้องได้รับการอนุญาตจากกองกำลังบูรพา เนื่องจาหใกล้ชายแดนมาก ห่างถนนศรีเพ็ญ แค่ 100 กิโลเมตรไม่มีสิ่งกีดขวางที่ชัดเจน จึงเสนอขอให้ส่งตัวแทนเข้าไป ตนจะประสานกองกำลังบูรพา และกับฝ่ายกัมพูชาให้ หากต้องการเข้าไปดูจุดเกิดเหตุ
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด ยังกล่าวด้วยว่า ข้อต่อสู้กับกัมพูชา เรื่องพลัดหลงคงใช้ไม่ได้แล้ว เพราะกลุ่มของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ทราบดีว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตของกัมพูชา และการที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติออกมาชุมนุมกดดัน ยิ่งทำให้เจรจาช่วยเหลือได้ยาก ขณะที่สถานการณ์ชายแดน ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชายังดีเช่นเดิม มีการพึ่งพาอาศัยกัน แต่คนภายนอกไม่เข้าใจ ส่วนคนในพื้นที่รวมตัวต่อต้านกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาตินั้น เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุม จะทำให้คนในพื้นที่เดือดร้อน ขณะที่แกนนำได้รับปากว่าจะปักหลักชุมนุม 2 วัน
ด้าน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึง ความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมตัวว่า ในส่วนของกองทัพ ทางผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการระดับสูงหลายท่าน ได้มีความเป็นห่วง โดยในขณะนี้ได้กำชับให้ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 20 เข้าดูแลพื้นที่ ซึ่งยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น สำหรับการที่ตัวแทนของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ขอเข้ามาตรวจสอบยังบริเวณที่ 7 คนไทย เข้ามานั้น ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดว่าจะมีการพิจารณาอย่างไร แต่ในส่วนตัวแล้วคิดว่าจุดที่จะเข้าไปนั้น เป็นระหว่างชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ จึงไม่อยากให้เข้าไป เพราะเกรงถึงปัญหาที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และเจ้าหน้าที่ทุกระดับ จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
สำหรับบรรยากาศกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ บริเวณตลาดเทศบาล 2 เริ่มการปราศรัยตั้งแต่เวลา 8.00 น. ที่ผ่านมา โดยไม่ยอมรับข้อเสนอของทางจังหวัด ที่ทางจังหวัดขอให้เดินทางย้ายไปปราศรัย ที่ศูนย์กาญจนาภิเษก ซึ่งหากออกไปอีก 2 กิโลเมตร และไม่สนใจในเรื่องของเส้นทางเศรษฐกิจ ที่จะเข้าสู่ตลาดโรงเกลือ ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการส่งแกนนำเพื่อขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ในการเข้าดูพื้นที่หลักเขตที่ 46 ของอำเภอโคกสูง
โดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำ เปิดเผยว่า ตนเองยังเชื่อมั่นว่าคนไทยทั้ง 7 คน ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งยึดหลักฐานจาก น.ส.3ก. ว่าทิศไต้ติดกับหลักเขตที่ 46 โดยไม่สนใจหลักฐานของกระทรวงการต่างประเทศ หรือคลิปต่าง ๆ ที่ทางกัมพูชาได้เผยออกมา พร้อมย้ำเตรียมเคลื่อนพลในช่วงเวลา 14.00 น. เพื่อเข้าไปดูหลักเขตที่ 46 ของ อ.โคกสูง ต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตในพื้นที่กลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ยังไม่พบคนในพื้นที่เข้าร่วมมากนัก มีเพียงการสังเกตการณ์ และดูหลักฐานจากความเป็นจริงอยู่ ส่วนทางด้านกองกำลังบูรพา ยังได้มีการส่งเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ พร้อมตรวจเส้นในพื้นที่ของถนนเลียบชายแดน ถนนศรีเพ็ญ อย่างเข้มงวด
เขมรแพร่ คลิปพนิช วิกิตเศรษฐ์ บุกรุกพื้นที่ (3 มกราคม)
ทางการกัมพูชาได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะเดินเท้าเข้าไปในดินแดนที่กัมพูชา โดยในคลิปวีดีโอดังกล่าว มีเสียง พนิช วิกิตเศรษฐ์ ขณะกำลังโทรศัพท์รายงานความคืบหน้ากับคนสนิท มีใจความว่า...ฮัลโหลคิวเหรอ ได้ยินไหม ชัดไหม เผื่อสัญญาณขาด โทรไปบอกสมเกียรติเลขาท่านนายกฯ หน่อยนะ บอกว่าเราข้ามมาที่เขตกัมพูชาแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรจะได้ประสานเข้ามา เพราะเราเข้ามาในพื้นที่กัมพูชาแล้ว แต่อย่าให้ใครรู้นะ เพราะมีนายกฯรู้อยู่คนเดียว
ทางด้าน นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ 7 คนไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาจับกุมว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือเต็มที่ แต่ช่วงนี้ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะติดวันหยุดปีใหม่ ขณะที่ครอบครัวของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ จะได้เข้าเยี่ยมในเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (3 มกราคม) สำหรับความเป็นอยู่ของทั้ง 7 คน ยังมีความเป็นอยู่ที่ปกติดีอยู่ โดยกระทรวงได้เข้าไปดูแลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าให้
ทั้งนี้ นายชวนนท์ ยังได้เรียกร้องไปยังกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เตรียมบุกจังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันกัมพูชา ให้หยุดการชุมนุม เพราะจะส่งผลเสียต่อการเจรจาให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากกัมพูชาจะมองว่าไทยกำลังใช้การเมืองกดดัน โดยขณะนี้ต้องยึดเรื่องการช่วย 7 คนไทย เป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องการพิสูจน์เขตแดนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีคณะกรรมการเจรจาอยู่แล้ว เพราะการพิสูจน์ต้องใช้เวลานานเป็นปี ซึ่งการที่ 7 คนไทย ถูกจับไม่ได้หมายความว่าไทยต้องเสียดินดิน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายชวนนท์ ระบุภรรยา นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ พร้อมครอบครัวของทั้ง 7 คนไทย ได้เดินทางเข้าเยี่ยมที่เรือนจำเพรย์ซอว์ กรุงพนมเปญแล้ว โดยใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดยังคงมีความเป็นอยู่ปกติดี โดยขณะนี้ทางการไทยยังไม่ได้ยื่นประกันตัว เพราะต้องรอให้มีการขขึ้นศาลก่อน และไม่แน่ใจว่าในวันพรุ่งนี้ (4 มกราคม) ทางการกัมพูชาจะนำ 7 คนไทย ขึ้นศาลหรือไม่
ขณะที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และ นายการุณ ใสงาม ที่ปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ 7 คนไทย บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ได้เคลื่อนขบวน ไปยังจังหวัดสระแก้ว ในเวลา 12.09 น. ซึ่ง นายไชยวัฒน์ กล่าวระบุก่อนออกเดินทางว่ากระบวนการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ขณะนี้ถือว่าจบลงแล้ว เราได้ให้เวลารัฐบาลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งนายกรัฐมนตรีกลับพาครอบครัวไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด แต่ 7 คนไทยยังติดคุกอยู่ในกัมพูชา ทำให้เราจำเป็นต้องมีการยกระดับการเคลื่อนไหวปกป้องแผ่นดินไทย เพื่อให้ 7 คนไทยได้กลับมาประเทศไทยโดยสวัสดิภาพเร็วที่สุด
ซึ่งพวกเราจะเคลื่อนไปยังพื้นที่ที่ทั้ง 7 คนถูกจับกุม เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เนื่องจากมั่นใจว่าเรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะได้ข้อมูลมาว่า รมว.กลาโหมของไทย ติดต่อไปยังนายพลคนหนึ่งของกัมพูชา เพื่อให้จับกุมคนไทยทั้งหมด แต่เผอิญว่ามี ส.ส.ประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ด้วย จึงได้พยายามติดต่อเจรจาขอให้ปล่อยตัว ส.ส.ประชาธิปัตย์อย่างเดียว ถือเป็นความไม่จริงใจของรัฐบาล พวกเราจึงต้องออกมาเคลื่อนไหว โดยจะไปตั้งเวทีปราศรัยและพักค้างคืนที่ตลาดเทศบาล 2 ห่างจากตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ ประมาณ 500 เมตร จากนั้นวันที่ 4 มกราคม เวลา 12.00 น.จะทำพิธีบวงสรวง และเดินทางเข้าไปบริเวณเขตแดนที่ 46 ถนนศรีเพ็ญ ในเวลา 14.00 น.
ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านในพื้นที่ อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว กว่า 500 คน ใช้รถอีแต็ก-อีแต๋น พร้อมด้วยรถกระบะและรถยนต์ 6 ล้อ รวมกว่า 80 คัน มาชุมนุมกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อคัดค้านพร้อมสกัดกั้นกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่จะเดินทางมาประท้วงกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา 7 คนไทยที่ถูกทหารเขมรจับ เนื่องจากกองกำลังบูรพาสั่งปิดช่องทางชายแดน นอกจากนี้ ยังสั่งห้ามรถยนต์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องวิ่งเข้าถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดน ทำให้ชาวไร่อ้อยและชาวนาในพื้นที่เดือดร้อน ไม่มีแรงงานเขมรเข้ามารับจ้าง พร้อมย้ำว่าในพื้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาเป็นไปอย่างดี แต่คนนอกพื้นที่กลับจะมาสร้างความเดือดร้อน
ทางด้าน นายถนัด ตัดพุดซา แกนนำกลุ่มคนโคราชหัวใจรักชาติ เปิดเผยว่า ตัวแทนกลุ่มคนโคราชหัวใจรักชาติ ประมาณ 1,500 คน พร้อมการ์ดจากสภาประชาชน 4 ภาค อีก 300 คน ได้เดินทางไปร่วมชุมนุมที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ เพื่อทวงคืนแผ่นดินไทยร่วมกับกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติจากทั่วประเทศ และจะไม่มีกำหนดวันกลับจนกว่าทางรัฐบาลกัมพูชาจะปล่อยตัว 7 คนไทย และคืนดินแดนของไทยที่กัมพูชายึดไปกลับมา ทั้งนี้ หากกัมพูชายังเพิกเฉย กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะมีมาตรการกดดันขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นเตรียมปิดด่านชายแดนในเขต อำเภออรัญประเทศ ทั้งด่านถาวรและด่านพิเศษชั่วคราวทุกจุด
ทั้งนี้ ทางฝั่งบ้านหนองจาน จังหวัดปันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามจุดเกิดเหตุ มีทหารกัมพูชาจำนวนมากประจำอยู่ตามจุดต่าง ๆ โดยแหล่งข่าวทหารกัมพูชา ระบุมีการระดมกำลังพลที่ลาพักและลาหยุดกลับกองพัน เพื่อส่งไปประจำจุดป้องกันตลอดแนวชายแดนติดกับประเทศไทย เพื่อรับมือกลุ่มคนไทยที่จะมาประท้วงบริเวณชายแดน อีกทั้งผู้บังคับบัญชายังกำชับ ห้ามให้คนไทยบุกรุกเข้ามาในพื้นที่กัมพูชา หากฝ่าฝืนให้จับตัวทั้งหมด
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาว่า มีเป้าหมายที่ไม่ต้องการเห็นความตึงเครียด แต่เข้าใจว่าแต่ละประเทศต้องปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งต้องไม่นำเอาประเด็นการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก มาเป็นปัญหา ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับทางการกัมพูชา ให้คนที่รับผิดชอบมาพูดคุยกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความตึงเครียดในการประชุมมรดกโลก ในเดือนมิถุนายนนี้
นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยด้วยว่า ในช่วงเดือนมกราคมนี้ นายซก อัน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางมาพูดคุยกับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะที่ตนเองนั้น ก็จะมีโอกาสที่จะพบกับ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในเวทีการประชุมระดับอาเซียนต่อไปด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
และ youtube.com
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1500 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 04 ม.ค. 54
เวลา 14:52:25
|