• นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา |
โพสต์โดย 12062011 , วันที่ 12 มิ.ย. 54 เวลา 00:54:03 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ช่วงนี้ประเด็นเรื่อง พลังลึกลับ พลังที่ไม่อาจปฏิเสธ พลังนู่น พลังนี่มาแรงแฮะ สงสัยกันไปกันมา ไอ้ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ามันคืออะไร เอาไว้ท่านใดรู้ ก็กรุณาเอามาเล่าให้ฟังกันมั่งนะครับ ว่ามันเป็นพลังของใคร ??? แหะๆ
-------------------------------------------------------------------------------
คำว่า "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" เป็นฉายาที่สื่อมวลชนตั้งให้หลังจากประมวลพฤติกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรีเปรมในการเล่นการเมืองและการทหารแบบ "รื้อนั่งร้าน" มาตลอด
เริ่มจากการเหตุการณ์ที่พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ตั้งใจจะเข้าสู่วงการเมืองเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านการเลือกตั้ง แต่ก็ยังอยากได้นายทหารที่ไว้ใจได้มาเป็นคนระวังหลังในกองทัพให้ จึงย้ายพลโทเปรมจากตำแหน่งแม่ทัพภาค 2 เข้ากรุงเทพฯมาแล้วดันข้ามหัวบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่าจนขึ้นไปกุมอำนาจกองทัพบกเลย สุดท้ายเจ้าของวลี "เราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว" กับ "แกงไก่ใส่บรั่นดี" ก็ต้องแทบกระอักเลือด เพราะลูกน้องที่หวังพึ่งและชอบพูดกับสื่อมวลชนว่า "ผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง" และแสดงภาพความเป็นนายทหารบ้านนอกผู้ซื่อสัตย์ - พูดน้อย-สุขุมจนสื่อมวลชนชื่นชมตามทำข่าวทุกวัน กลับปาดหน้านายผู้อุปถัมภ์ขึ้นไปเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างหน้าตาเฉย....นี่คือนั่งร้านที่ 1
นั่งร้่านที่ 2 - คือม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเป็นคนอุ้มพลเอกเปรมเหยียบบ่าเกรียงศักดิ์ขึ้นไปแท้ๆ แต่ในที่สุดก็ต้องถูกเชือดตัดออกจากการร่วมรัฐบาลด้วยกรณีเทเล็กซ์น้ำมันอัปยศ เพราะ"ป๋า" ไม่ชอบให้ใครยืนค้ำหัวทวงบุญคุณ
นั่งร้านที่ 3 - คือกลุ่มจปร. 7 ที่ช่วยกันแผ้วถางเคลียร์สายอำนาจในกองทัพให้ป๋าสามารถ "หัก" อดีตสมาชิกสำคัญของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินอย่างพลเอกเกรียงศักดิ์ จนสามารถจับมือกับหม่อมคึกดันป๋าขึ้นไปสำเร็จ แต่ในเวลาต่อมาป๋าเห็นว่าจร.7ออกอาการผยองมากเกินไปจึงดันพลเอกอาทิตย์ กำลังเอกขึ้นมาแทนที่ สร้างความโกรธแค้นให้กับแกนนำจปร.7 มากจนถึงกับพยายามปฏิวัติโค่นป๋าหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดพลตรีนูญ รูปขจรถูกถอดยศและต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศช่วงหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาการแต่งตั้งนายทหารประจำปีจะเป็นเรื่องที่ถูกสื่อมวลชนจับตาอย่างเข้มข้น เพราะการเมืองและชะตากรรมของไทยขึ้นอยู่กับตำแหน่งผู้คุมกำลังในกองทัพ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับตัวแทนของประชาชน
นั่งร้านที่ 4 - พลเอกอาทิตย์ กำลังเอกซึ่งตอนแรกเป็นคู่ใจสหายศึกของป๋าในการรับมือรุ่น 7 ต่อมาเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มแผดกล้าขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัดว่ามีข้าราชการและพ่อค้าจำนวนมากพยายามเข้าหา ป๋าจึงเริ่มโปรโมทพันเอกพิจิตร กุลละวาณิชย์กับพันเอกชวลิต ยงใจยุทธขึ้นมาเป็นกำลังหนุน
จนกระทั่งเกิดกรณี "ศึกวันลอยกระทง" ที่รัฐบาลป๋าประกาศลดค่าเงินบาทเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบไปร้องเรียนขอความเห็นใจกับพลเอกอาทิตย์จนถึงกับออกมากดดันป๋าให้ยกเลิกนโยบายนี้ด้วยการอ้างถึง "ข้อมูลใหม่" น่าแปลกที่คู่หูของ"พลตรี"ชวลิตคือพลตรีพิจิตรกลับหันไปยืนข้างอาทิตย์ด้วยการออกหน้ามาขู่ว่าถ้าไม่ฟัง "ความเดือดร้อนของพ่อค้าประชาชน" ทหารอาจจะมีการออก "เอ็กเซอร์ไซส์" จนทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่างานนี้ป๋าไม่รอดแน่ แต่ในที่สุด "จิ๋ว"ก็เดินเกมส์ช่วยป๋าด้วยการปลดอาทิตย์ได้สำเร็จ
สื่อมวลชนจึงสรุปเป็นข้อสังเกตุเอาไว้ว่า "ป๋า" ไม่ต้องการอยู่ใต้การบังคับของใคร ไม่ว่าจะเคยมีบุญคุณกันมาขนาดไหนก็ตาม ถ้าใครแสดงอาการที่ป๋าคิดว่าจะควบคุมไม่ได้ก็จะเชือดทิ้งไปเลย จึงกลายเป็น "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" ที่อมตะมาจนถึงวันนี้ครับ ซึ่งถ้าป๋าไม่ลงจากตำแหน่งเสียก่อนก็อาจจะมีนั่งร้านที่ 5-6-7 ต่อไปอีกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเดาได้
แต่มาวันนี้...หลังจากเวลาผ่านไป 22 ปี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธก้ทำท่าจะเป็นนั่งร้านที่ 5 ที่รอวันถูกรื้อเสียแล้ว อยู่ที่บิ๊กจิ๋วจะยอมถูกรื้อหรือเปล่า หรือไม่ถูกรื้อก็อาจจะทลายลงมาเองเพราะสนิมเกาะจนกร่อนก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
และก็มีคนต่อให้อีกนิดครับ น่าอ่านเลยเอามาให้อ่านครับ
พฤติกรรมของพลเอกเปรมอาจจะถูกมองด้วยความรู้สึกที่รับไม่ได้ของคนรุ่นปัจจุบัน แต่ถ้าเทียบกับภาวะการเมืองและการชิงอำนาจในช่วงปีก่อนหน้านั้นแล้ว จะต้องยอมรับว่าดีกว่ากันพอประมาณครับ เพราะห้วงระยะเวลานั้นประเทศไทยถูกรุมกระทำชำเราด้วยพวกกระหายอำนาจรอบด้าน ทั้งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินภายใต้การนำของพลเรือเอกสงัด ชะลออยู่ ทั้งรัฐบาลพลเรือนที่คณะปฎิวัติตั้งขึ้นมา และภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ในขณะที่ศึกภายนอกนั้นยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าเนื่องจากเวียดนามเหนือกำลังรุกไล่เอาชนะยึดได้ทั้งเวียดนาม-ลาว-กัมพูชา จนทั่วโลกเชื่อกันว่าประเทศไทยจะต้องล้มตามไปด้วยอย่างแน่นอน
ถ้าผู้นำของประเทศไทยไม่สามารถกุมอำนาจได้เด็ดขาด การเดินนโยบายเพื่อรักษาเอกราชของประเทศไทยจะมีความเสี่ยงมากกว่าที่ได้เคยเกิดขึ้นแล้วในเวลานั้นมากมายนัก หากเราเอาบรรทัดฐานของวันนี้ไปวัด แน่นอนว่า "ประชาธิปไตยครึ่งใบ" ในวันนั้นเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจ แต่ถ้าเราเอาความเป็นไปชองประเทศไทยก่อนหน้านั้นมาวัดแล้ว ถือว่าการเมืองได้คลี่คลายไปแล้วระดับหนึ่ง
ในขณะที่ป๋าสอบตกในด้านของประชาธิปไตย แต่ท่านก็สร้างผลงานเอาไว้มากมายหลายอย่างจริงๆ ซึ่งผมคร้านที่จะหยิบขึ้นมาเอ่ยถึงอีก เพราะเคยโพสต์ไปหลายกระทู้แล้ว สรุปได้แค่ว่าตั้งแต่ผมเริ่มติดตามการเมืองนับจากยุคของจอมพลถนอมเป็นต้นมา หากนับเฉพาะ "ผลงาน" ในฐานะนายกรัฐมนตรีแล้ว พลเอกเปรมคือ 1 ใน 3 คนที่ดีที่สุดในสายตาของผม นอกจากทักษิณและ "อานันท์ ปันยารชุน"
ที่จริงตอนเริ่มเหตุการณ์ความวุ่นวายช่วงต้นปี 2549 นั้น ผมสมัครขอ log in เข้ามาในบอร์ดราชดำเนินเพื่อเข้ามาช่วยโต้แย้งแทนพลเอกเปรมโดยเฉพาะ ซึ่งในหลายๆกระทู้ช่วงแรกๆนั้นผมแทบจะเอาเป็นเอาตายกับทุกกระแสที่โจมตีป๋าไปเลย
จนกระทั่งป๋าเริ่มเดินสายไปปาฐกถาตามหอประชุมกองทัพต่างๆ เปิดกระแสเรื่อง "จ็อคกี้" และ "ทหารของพระราชา" ผมจึงเริ่มเชื่อทฤษฎีผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญของทักษิณ และพฤติกรรมถัดจากนั้นของป๋าที่ทำให้ผมรับไม่ได้ก็คือท่านเรียกร้อง "ความขาวสะอาด" จากคนอื่นทั้งๆที่ท่านเองก็เต็มไปด้วยพฤติกรรมสีเทาในการทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเช่นเดียวกับทักษิณ
ท่านเคยใช้ "ปลัดฮิ" พิศาล มูลศาสตร์สาทรทำอะไรหลายๆอย่างที่ยิ่งกว่าทักษิณเคยใช้เนวินกระทำ ท่านเคยใช้บิ๊กจิ๋ว, จปร.7 และพลเอกอาทิตย์ทำอะไรหลายต่อหลายอย่างในการกระชับอำนาจในกองทัพทั้งๆที่ตนเองได้ออกไปอยู่ในสนามการเมืองแล้ว ตลอดชี 8 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรีของท่านนั้น ท่านบริหารโดยไม่จำเป็นต้องฟังเสียงประชาชนโดยถือเอาความ "รักชาติ" ของท่านเป็นที่ตั้ง แต่ท่านไม่ยอมรับการทำงานของคนอื่นที่ได้รับการหนุนหลังจากประชาชน "ส่วนใหญ่" ของประเทศไทย
สุดท้ายก็เขียนด้วยมือและลบด้วยเท้า ด้วยการหนุนพลังนอกรัฐธรรมนูญโค่นล้มตัวแทนของประชาชน พร้อมกับยัดเยียดข้อหา "ทำลายชาติ" ให้ชนิดที่เรียกว่าเหวี่ยงแหกันเลย
พฤติกรรมที่ "อนุญาตให้ตนเองจุดไฟเผาบ้านแต่ไม่ยอมให้คนอื่นจุดตะเกียง" นี่แหละครับ ที่ผมคิดว่า "ท่าน" ในวันนี้ไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับยุคสมัยอีกต่อไปแล้ว ยิ่งที่คราวนี้ออกมาด่ากราดคนที่เข้าพรรคเพื่อไทยว่าเป็นคนทรยศชาติ ยิ่งชี้ให้เห็นว่าจิตใต้สำนึกของป๋าเปรมในวันนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่า "ตัวแทนของประชาชน" เลยแม้แต่น้อย ในเมื่อท่านตีค่าว่าตนเองคือ "ชาติ" ไม่ใช่ประชาชน อย่างนั้นท่านก็ไม่ควรจะได้รับความเคารพใดๆจากประชาชนเช่นกัน
โดยคุณสัมมาชน
ที่มา ห้องราชดำเนิน พันทิปดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2005 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย 12062011
IP: Hide ip
, วันที่ 12 มิ.ย. 54
เวลา 00:54:03
|