สถิติร้อน: 1 ใน 10 นักท่องเน็ตถูกหลอก
ผลการวิจัยของประเทศอังกฤษประจำปี 2006 ที่ผ่านมาพบว่า นักท่องอินเทอร์เน็ตมากกว่า 1 ใน 10 คนตกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์ โดยจากการสำรวจเหยื่อโจรออนไลน์จำนวน 3.5 ล้านคน มูลค่าความเสียหายเฉลี่ยสูงถึง 875 ปอนด์ หรือประมาณ 5.5 หมื่นบาท ยืนยันจุดอ่อนใหญ่อยู่ที่ผู้บริโภค ทั้งพฤติกรรมการตั้งรหัสผ่าน และการละเลยไม่ป้องกันตัวเองด้วยโปรแกรมรักษาความปลอดภัย การสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลอังกฤษและกลุ่มเก็ทเซฟออนไลน์ (Get Safe Online) กลุ่มรณรงค์เพื่อความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ของอังกฤษ ผลการศึกษาถูกตีพิมพ์ในชื่อเรื่อง Internet Safety: The State of the Nation ส่วนหนึ่งในเนื้อความระบุว่า 12 เปอร์เซ็นต์ของประชากรอินเทอร์เน็ตโดยรวมมีประสบการณ์ถูกล่อลวงในปีที่แล้ว เท่ากับ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 1 ใน 10 คนเคยถูกล่อลวง ส่วนใหญ่ถูกล่อลวงจากการซื้อสินค้าออนไลน์ คิดเป็นสัดส่วน 6 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 1.7 ล้านคน รองลงมาถูกล่อลวงจากการโจรกรรมชื่อบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต คิดเป็นสัดส่วน 4 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 1.2 ล้านคน จุดสำคัญของผลการสำรวจที่ได้ คือการที่เหยื่อโจรออนไลน์จำนวนมากไม่มีการป้องกันตัวเองเบื้องต้น เช่นไม่มีการอัปเดทโปรแกรมรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ และไม่มีการตั้งรหัสผ่านในแต่ละเว็บไซต์ให้แตกต่างกันเพื่อให้ยากต่องการคาดเดา สถิติการเปิดช่องโหว่ในผู้บริโภคเมืองผู้ดีที่น่าสนใจได้แก่ 1 ใน 4 ของประชาชนออนไลน์ไม่ติดตั้งโปรแกรมคัดกรองอีเมลขยะ 46 เปอร์เซ็นต์ไม่ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้สปายแวร์ (โปรแกรมสอดแนม) กว่า 7 เปอร์เซ็นต์ไม่ติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส 13 เปอร์เซ็นต์ไม่มีไฟร์วอลล์สำหรับป้องกันการบุกรุกจากภายนอก แถม 1 ใน 5 ระบุว่าเคยตอบอีเมลขยะ ที่ส่งข้อความล่อลวงว่าให้ตอบกลับหากต้องการยกเลิกอีเมลจดหมายข่าวด้วย การตอบอีเมลขยะถือนี้เป็นความผิดพลาดร้ายแรง เนื่องจากกลายเป็นการยืนยันว่าอีเมลแอดเดรสนั้นๆมีการใช้งานจริง 5 เปอร์เซ็นต์ให้ข้อมูลว่าตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานเว็บไซต์เป็นรหัสเดียวกันทั้งหมด 60 เปอร์เซ็นต์ตั้งรหัสผ่านซ้ำกันบ้างบางส่วน และกว่า 45 เปอร์เซ็นต์ตั้งรหัสผ่านเป็นคำเท่านั้น ซึ่งรหัสผ่านที่เป็นคำมีความหมายนั้นง่ายต่อการคาดเดามากที่สุด อย่างไรก็ตาม ประชากรออนไลน์เมืองผู้ดีมีรหัสผ่านเฉลี่ย 9 รหัสต่อคน สำหรับเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างชนิดกัน เช่นเว็บไซต์ธนาคาร เว็บไซต์ซื้อสินค้า และเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ 12 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าไม่มีการตั้งรหัสผ่านเครือข่ายไร้สายในบ้าน ซึ่งอาจทำให้ใครก็ตามที่อยู่บริเวณนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ผู้บริโภคต้องร่วมมือ แม้ที่ผ่านมาประเด็นการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตจะเป็นประเด็นร้อนที่มีการกล่าวถึงในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง แต่จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,441 คน พบว่ามีไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นหน้าที่ของตนเองในการรับมือกับภัยออนไลน์รอบตัว 48 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ระบุว่ารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ด้วยตัวเอง อีก 16 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าธนาคารเป็นผู้ดูแลให้ ขณะที่ 13 เปอร์เซ็นต์รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของไอเอสพีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้บริโภคส่วนใหญ่เรียกร้องให้เว็บไซต์ธนาคาร เว็บไซต์ร้านค้า และเว็บไซต์บริษัทบนโลกออนไลน์ทำหน้าที่ปราบปรามการล่อลวงออนไลน์ให้เด็ดขาดยิ่งขึ้น จุดนี้ แพ็ท แม็คแฟดเดน (Pat McFadden) รัฐมนตรีผู้ดูแลการปฏิรูปราชการอังกฤษให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ผู้บริโภคจะต้องระวังตัวเองด้วยหากภาครัฐจะปราบปรามอาชญากรรมบนอินเทอร์เน๋ตอย่างจริงจัง "อินเทอร์เน็ตเป็นทางเลือกแสนสบายในการจัดการงานธุรกิจและวิถีชีวิตของผู้บริโภคตามใจต้องการ ผู้บริโภคจำเป็นต้องป้องกันตัวเองเบื้องต้นด้วย เช่นการไม่เปิดเผยข้อมูลการเงิน หรือรหัสผ่านอื่นๆ หากต้องการจะใช้บริการออนไลน์เหล่านี้" เช่นเดียวกับโทนี่ นีต (Tony Neate) ประธานกลุ่มเก็ทเซฟออนไลน์ก็เชื่อว่าการล่อลวงออนไลน์จะลดลงได้จากความร่วมมือร่วมใจระหว่างทุกฝ่าย โดยกล่าวถึงบทสรุปจากการสำรวจครั้งนี้ ว่าผู้บริโภคทุกคนจำเป็นต้องเพิ่มความรับผิดชอบส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จำนวนการถูกล่อลวงที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นไปตามการใช้งานอินเทอร์เน็ตของชาวอังกฤษที่เพิ่มขึ้น รายงานพบว่ากว่า 93 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเน็ตชาวอังกฤษนั้นใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกวัน โดยมูลค่าการซื้อสิงนค้าและบริการออนไลน์อยู่ที่ 1,044 ปอนด์ต่อปี (ประมาณ 6.5 หมื่นบาท) Company Related Links : GetSafeOnline
|
บทความจาก : ผู้จัดการออนไลน์ |
|