• ชาวบ้านร้องเรียนนายทุนฮุบที่ดิน - เชียงใหม่ |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 20 ก.ย. 54 เวลา 08:55:36 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ชาวบ้านกว่า 50 คนจาก 2 อำเภอของเชียงใหม่รวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกกลุ่มนายทุนกล่าวหา บุกรุกที่ดินทั้งที่ชาวบ้านยืนยันเป็นที่ดินที่สืบต่อทำกินมาจากรุ่นพ่อแต่ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองเพราะเห็นว่าสืบต่อกันมาวอนเจ้าหน้าที่หรือ หน่วยงานของรัฐเข้าตรวจสอบด้านองค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรือ อตร.ยื่นมือเข้าให้การช่วยเหลือในด้านกฏหมายแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 17 ก.ย. 2554 ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่ามีกลุ่มชาวบ้านจำนวนประมาณ 50 คนรวมตัวประท้วงขอความเป็นธรรมที่กลางไร่บ้านขี้เหล็กน้อย ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาตรวจสอบกรณีชาวบ้านถูก นายทุนกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินทำกินและเข้ามาปลูกพืชไร่ในที่ของนายทุนผู้ สื่อข่าวจึงได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งจากบ้านขี้ เหล็กน้อย ม.1 ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริมและชาวบ้านจากบ้านแม่แต ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ได้รวมตัวกันอยู่ที่กลางไร่พร้อมกันนี้ได้มีนายประสิทธิ์ มณีมอญ ผอ.เครือข่ายเขต 1 องค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรือ อตร.และฝ่ายกฏหมายขององค์การฯได้เดินทางเข้ามาร่วมรับฟังปัญหาและรับเรื่อง ราวของชาวบ้านด้วยทั้งนี้นายบุญทา จันทร์หอม อายุ 54 ปี ราษฎรบ้านแม่แตตัวแทนชาวบ้านที่มาร่วมตัวกันประท้วงได้กล่าวว่า ผืนที่ดินที่มีปัญหาดังกล่าวนี้เป็นที่ดินที่พวกตนและชาวบ้านได้เข้ามาครอบ ครองทำมาหากินกันตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่เป็นระยะเวลานานหลายสิบปีแล้วโดย มีจำนวน 67 ครอบครัวที่ครอบครองพื้นที่ทำกินจำนวนกว่า 211 ไร่และได้มีส่วนหนึ่งที่เดินทางไปขอเอกสารสิทธิ์ออกโฉนดซึ่งปัจจุบันน่าจะ เหลือพื้นที่อยู่ประมาณ 140-150 ไร่ที่ตนและชาวบ้านเข้ามาทำกินและไม่เคยมีผู้ใดหรือนายทุนคนอื่นเข้ามาบอก กล่าวมาเป็นที่ดินของตนเองชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าวได้เข้าประกอบอาชีพ ทำไร่ไถนา ปลูกพืชผักต่างๆและใช้ชีวิตกันตามปกติจากนั้นเมื่อประมาณกลางปี 2546 ได้มีนายทุนคนหนึ่งส่งพรรคพวกเข้ามาบอกกับชาวบ้านว่าพวกชาวบ้านได้เข้ามา บุกรุกที่ดินของตนเองและให้ยกเลิกการปลูกพืชไร่รวมทั้งให้ออกไปจากพื้นที่ ดังกล่าวซึ่งชาวบ้านต่างบอกว่าพื้นที่แห่งนี้พวกตนทำมาหากินปลูกพืชไร่กันมา
ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ไม่มีใครเป็นเจ้าของจับจองอยู่ดีๆจะมากล่าวหากัน อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง เพราะพวกตนทำมาหากินอย่างนี้มานานและที่ดินเหล่านี้พ่อแม่ของพวกตนก็เป็นคน เข้ามาบุกเบิกแผ้วถางตั้งแต่สมัยยังเป็นภูเขา จึงคิดว่าไม่น่าจะใช้พื้นที่ของนายทุนคนดังกล่าวที่มาแอบอ้างและกลุ่มนายทุน ดังกล่าวยังได้เข้ามาติดต่อชาวบ้านอย่างต่อเนื่องจนมีการฟ้องร้องกันในชั้น ศาลตอนนี้ขณะเดียวกันพ่อถา คำกลม อายุ 85 ปี ราษฎรบ้านขี้เหล็กน้อยก็ได้กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้มีการทำมาหากินกันตั้งแต่รุ่นพ่อของตนเป็นระยะนานร่วม 50 ปีแล้วซึ่งตั้งแต่ตนเองยังเป็นหนุ่มจนถึงตอนนี้ก็อายุ 85 ปีก็ตกทอดถึงรุ่นลูกตนเองอีกรุ่นที่เข้ามาครอบครองทำมาหากินในพื้นที่นี้ไม่ มีใครหรือผู้ใดเข้ามาบอกกล่าวว่าหรือแอบอ้างเป็นที่ดินของตนมีเพียงแต่ชาว บ้านด้วยกันเท่านั้นที่เข้ามาทำมาหากินในที่ดินซึ่งจากนั้นได้มีกลุ่มนายทุน เข้ามาแอบอ้างมาถือครองกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ดินแห่งนี้และได้ทำการขับไล่ชาว บ้านให้ออกจากพื้นที่โดยอ้างว่าชาวบ้านได้บุกรุกที่ดินของกลุ่มนายทุนให้ออก ไปจากพื้นที่ถ้าไม่มีการออกก้ให้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ในการเพาะปลูก ซึ่งชาวบ้านก็ไม่ยอมรวมตัวกันประท้วงครั้งหนึ่งจนนายทุนดังกล่าวได้ถอยออก จากพื้นที่ไป จากนั้นได้มีการฟ้องศาลเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวซึ่งในเบื้องต้นศาลสั่งให้ กลุ่มชาวบ้านเป็นฝ่ายแพ้และออกจากพื้นที่ซึ่งชาวบ้านก็ได้มีการยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลอีกครั้งหนึ่งขณะนี้เรื่องราวยังอยู่ในกระบวนการศาลชั้นอุทธรณ์
ทางด้านนายนายประสิทธิ์ มณีมอญ ผอ.เครือข่ายเขต 1 องค์การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรือ อตร.ได้กล่าวว่า ทางชาวบ้านได้มีการส่งเรื่องร้องเรียนเข้าไป ทางองค์การจึงได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฏหมายใน เบื้องต้นได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานให้ทางฝ่ายกฏหมายเข้าให้การช่วยเหลือ ดูแลชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งการที่ชาวบ้านมารวมตัวกันในครั้งนี้ก็เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและต้อง การให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการให้ การช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวทั้งนี้ฝ่ายกฏหมายขององค์การตรวจสอบการใช้ อำนาจรัฐ หรือ อตร. ได้ระบุว่าในเบื้องต้นเรื่องของคดีได้มีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลเป็นที่เรียบ ร้อยแล้วโดยที่ศาลชั้นต้นได้มีการตัดสินให้ชาวบ้านเป็นฝ่ายแพ้คดีไปแล้ว ทั้งนี้ได้มีการยื่นอุทธรณ์ให้ชาวบ้านและเบื้องต้นต้องมีการวางเงินค่า ธรรมเนียมศาลในวันสุดท้ายคือว่าที่ 23 ก.ย. 54 ซึ่งชาวบ้านบางรายเป็นพวกหาเช้ากินค่ำไม่ได้มีเงินทองมากมายจึงได้มีการยื่น เรื่องขอต่อศาลให้มีการเลื่อนกำหนดระยะเวลาออกไปซึ่งก็ได้เป็นบางรายไม่ได้ ทั้งหมดโดยในการวางเงินค่าธรรมเนียมศาลนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดครอบครอง พื้นที่ดินเท่าไรก็ต้องวางเงินเป้นจำนวนเท่านั้นก็มีจำนวนมากตั้งแต่หลักพัน ถึงหลักหมื่น ซึ่งชาวบ้านทั้งหมดที่โดนฟ้องยังไม่มีเงินจำนวนดังกล่าวในการไปวางต่อศาลจึง ได้มีการยื่นเรื่องขอความเมตตาต่อศาลในการขอให้ขยายระยะเวลาออกไปก่อนอีก ประมาณ 30 วันเพื่อให้ชาวบ้านได้มีเวลาไปหาเงินมาวางในการสู้คดีต่อไป
http://www.chiangmainews.co.th/page/?p=44056
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1856 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 20 ก.ย. 54
เวลา 08:55:36
|