วันที่ 9 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า เริ่มวิกฤติหนัก โดยน้ำจากตัวเมืองอยุธยาท่วมถนนสายโรจนะขยายวงกว้างไปถึงปากประตูทางเข้า 1 และ 2 ของสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ต.คานหาม อ.อุทัย ตั้งแต่เวลา 20.00 น. วานนี้(8ต.ค.) ระดับน้ำสูง 30-50 ซม. จากนั้นน้ำจากคลองข้าวเม่าได้ข้ามทุ่งโจมตีคันดินด้านโรงงานผลิตรถยนต์ ฮอนด้าที่สูง 5 เมตร กว้าง 3-5 เมตรพังทลาย กระแสน้ำพุ่งเข้าอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ได้ระดมพลทหารกว่า 200 นาย คนงานในนิคมฯ และชาวบ้านช่วยกรอกทรายใส่กระสอบ นำไปกั้นกระแสน้ำตลอดทั้งคืน จนกระแสน้ำเบาบางลง แต่โรงงานจำนวน 20 โรง ต้องจมน้ำระดับความสูง 2-3 เมตร ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่ได้วางแนวกระสอบทรายสูงกว่า 3 เมตร ป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าไปชั้นใน
นาย ประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ทางนิคมได้ป้องกันเต็มที่เสริมคันดินแล้ว แต่กระแสน้ำได้เข้าทางทุ่งนา ซึ่งดินด้านนี้จะอ่อนตัวกว่าด้านอื่น น้ำจึงทะลักเข้ามาได้ เจ้าหน้าที่ได้เร่งอุดตลอดทั้งคืนจนน้ำหยุดแล้ว แต่กระแสน้ำได้เข้าท่วมโรงงานบางส่วนน้ำสูง 2-3 เมตร และป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมชั้นใน ซึ่งสวนอุตสาหกรรมโรจนะ มีโรงงาน 223 โรง มีการลงทุนไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท น้ำท่วมไปแล้วประมาณ 20 โรงงาน ส่วนที่เหลือเราจะป้องกันเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาช่วงบ่ายน้ำได้ทะลักเข้าท่วมสวนอุตสาหกรรมโรจนะทั้งประตู 1 และ 2 น้ำขังสูง 2-3 เมตร ขยายวงกว้างท่วมแล้ว 90% ประมาณ 200 โรงงาน สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าได้เร่งขนย้ายรถจำนวน 3,000 คัน ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. แต่ยังคงเหลือรถที่ยังจอดอยู่ภายในโรงงานประมาณ 200 คันจมน้ำ ค่าเสียหายหลายหมื่นล้านบาท
นายทวี นริสศิริกุล รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์อพยพ ที่บริเวณอาคารพาณิชย์ ริมถนนสายเอเชีย ตรงข้ามศูนย์ราชการ ซึ่งเมื่อคืนมีฝนตกหนัก ทำให้ผู้อพยพที่อยู่ในเต็นท์ประมาณ 4,700 คน ส่วนใหญ่เป็นคนแก่และเด็กต้องเปียกปอน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล เข้าทำการรักษาผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคไข้หวัดและน้ำกัดเท้า
ขณะ ที่สถานการณ์น้ำท่วมในเกาะเมืองเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยายังท่วมสูง ขยายวงกว้างเข้าท่วมที่ทำการองค์การโทรศัพท์ทีโอที ทำให้น้ำท่วมหม้อแปลงไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ไฟปั่นช่วย โทรศัพท์พื้นฐานและระบบอินเทอร์เน็ตล่มทั้งจังหวัด ทำให้การติดต่อสื่อสารขัดข้อง
ทั้งนี้กลางดึกที่ผ่านมา น้ำได้ล้นคันกั้นน้ำของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงต้องย้ายผู้ป่วยหนักไปไว้ตามโรงเรียนแพทย์ อาทิ รพ.รามา รพ.จุฬาลงกรณ์ฯ เป็นต้น ตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ยังเกิดเหตุการณ์โกลาหล เมื่อญาติและคนไข้พยายามที่จะย้ายออกจาก รพ. แต่การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากน้ำท่วมหมดทั้งเกาะเมือง
ด้าน เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจ้งว่าขณะนี้ได้ตั้งศูนย์บัญชาการโรงพยาบาลสนาม(เคลื่อนที่) ที่บริเวณตลาดรุ่งเจริญ ด้านหลังศูนย์อพยพผู้ประสบภัยของจังหวัดฯ โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาล ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหมุนเวียนมาเข้าเวรรักษา หากผู้ประสบภัยป่วยมารักษาได้ทันที
ที่ อ.ผักไห่ น้ำยังคงท่วมขังสูง 2-3 เมตร พบผู้เสียชีวิตจากไฟดูด 1 ราย ทราบชื่อ นายสมพร วัฒนะจิตตพงษ์ อายุ 81 ปี ขณะกำลังออกจากบ้านไปทำธุระ เดินลุยน้ำที่ขังราว 15 ซม. แล้วยืนจับเสาไฟฟ้า ทำให้ถูกไฟดูดเสียชีวิตคาที่
ขณะที่ พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า ตามที่พื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงจะเปิดอาคารเรียนรวมให้เป็นสถานที่อพยพสำหรับประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม และไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเบื้องต้นได้มีคนงานจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะติดต่อมาเพื่อขอใช้พื้นที่ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ในการพักอาศัยเพื่อหลบภัยน้ำท่วมแล้วประมาณ 400 คน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ มีพื้นที่รองรับเพียงพอ และสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยได้ ขณะเดียวกันทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วังน้อย ยังเปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย. http://www.thairath.co.th/content/region/207974