ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
แนวกั้นน้ำ : ศปภ.เร่งทำแนวกั้นน้ำใหม่(เส้นสีแดง) คล้ายขั้นบันได เพื่อเบนน้ำจากทุ่งรังสิตให้พ้นจากกทม.เพื่อให้เขตสายไหมปลอดภัย โดยน้ำจะไปลงที่คลอง 8 ถนนรังสิต-นครนายกเพื่อไปสู่บางปะกง โดยเป็นพื้นที่ที่มีความสูงต่ำไล่เรียงจากสีน้ำตาล-เขียว-ฟ้า เหมาะแก่การผันน้ำลงทะเล
กทม.ปัดรับน้ำเข้าคลองชั้นใน
เมื่อเวลา17.00น.วันที่ 19 ต.ค. ที่ศปภ. ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเกี่ยวกับมาตรการระบายน้ำ โดยมีผบ.เหล่าทัพ และผู้ว่าฯกทม.ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ภายหลังการประชุม ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ศปภ.เสนอให้ระบายเข้าเข้าคลองชั้นใน 3 สาย อาทิ คลองประเวศบุรีรมย์ พระโขนง และคลองแสนแสบ เพื่อบรรเทาสถานการณ์น้ำในพื้นที่กทม.ชั้นนอก แต่กทม.ขอดูเป็นกรณีๆไป หากทำได้จะทำ จะรับทั้งหมดไม่ได้ เพราะต้องรอให้ฝนหมดก่อน หากปลอดฝนและไม่มีปัญหาเรื่องการพร่องน้ำก็พร้อมเปิดให้ ซึ่งปกติเราเปิดรับน้ำช่วงฤดูหนาวอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การไม่เปิดให้น้ำเข้าคลองชั้นใน จะทำให้น้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์เอ่อล้นท่วมกทม.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของกทม.จะต้องดูแล ยืนยันว่าการตัดสินใจนี้ไม่มีเรื่องการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
ศปภ.เผยแผนดันน้ำไปปางประกง
ด้านพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ทำคันกั้นน้ำแนวคลองรังสิตประยูรศักดิ์ถึงคลอง 8 เพื่อดันน้ำลงด้านล่าง จนถึงคลองหกวา และดันออกทะเลที่บางปะกง ดังนั้นน้ำก็จะไม่เข้าด้านในกทม. ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนขาดความมั่นใจเรื่องการจัดการน้ำของรัฐบาลแล้ว พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพยายามอย่างยิ่งและประสานงานกับกทม. ซึ่งทางผู้ว่าฯกทม.ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เข้าใจกัน ที่พูดคุยกันในห้องประชุมบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี คิดว่าพอได้พูดคุยหารือกันแล้วคงไม่ต้องไปให้ข่าวผ่านสื่อกัน
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการระบายน้ำทางทิศตะวันตกของกทม. ทหารลอกคลองเรียบร้อยแล้ว และนำเครื่องมือทั้งหมดมาช่วยระบายน้ำทางทิศตะวันออก ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ว่าฯกทม.ยืนยันในที่ประชุมหรือไม่ว่าน้ำจะไม่เข้าท่วมกทม.ชั้นในแน่นอน พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า “ต้องดูอีก 24 ชม.ว่ามวลน้ำที่มาจากคลองระพีพัฒน์จะยันอยู่ที่คลองรังสิตไหวหรือไม่”
ผบ.ทบ.ขอให้เฝ้าระวัง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า ตอนนี้ต้องระวัง 24 ชม. โดยเฉพาะพื้นที่ทางตอนเหนือ อาทิ ดอนเมือง สายไหม และ 7 เขตที่กทม.แจ้งเตือน อย่าคิดว่าเราป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังต้องระวังเพราะไม่ว่าป้องกันได้หรือไม่ได้ ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องมีแผนอพยพ ต้องเตรียมการให้พร้อมไม่ให้เกิดความสับสนอลหม่าน แต่ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และอย่าอพยพก่อนที่เจ้าหน้าที่เข้าเตรียมการ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาเหมือนกับคราวที่เกิดขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่มีปัญหาว่าเจ้าหน้าที่ยังเตรียมการไม่พร้อมแต่ก็ประกาศอพยพ
ศปภ.กั้นพนังใหม่-ป้องกรุงเทพฯ
เมื่อเวลา 20.30 น. ที่ศปภ. นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำจากพระนครศรีอยุธยา มีจำนวนมาก โดยมาอยู่ที่คันคลองระพีพัฒน์แยกตก และไม่สามารถบริหารจัดการน้ำจากคลอง 1-13 ได้ ทำให้น้ำที่อั้นอยู่คันคลองเป็นเวลานาน จนคันคลองขาด 2 จุด ที่บริเวณคลอง 4 และคลอง 5 น้ำไหลเข้ามาในพื้นที่ระหว่างคลองระพีพัฒน์แยกตก และคลองรังสิต กว่า 3 แสนไร่ น้ำในพื้นที่นี้จะขึ้นอย่างช้าๆ ภายใน 1-2 สัปดาห์น้ำจะขึ้นประมาณ 1 เมตร จึงอยากให้ประชาชนย้ายออกจากพื้นทีเพื่อความปลอดภัย รัฐบาลจะบริหารจัดการให้ดีที่สุด แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน
พล.ต.อ.ประชา ผอ.ศปภ. แถลงประกาศศปภ.ฉบับที่ 4 ขอให้ประชาชนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูงและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. เนื่องจากน้ำมาจากคลองระพีพัฒน์แยกตก ค่อยๆไหลท่วมทุ่งรังสิตตั้งแต่คลอง 1-13 ทำให้น้ำเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำในจ.ปทุมธานี ได้แก่ อ.คลองหลวง อ.หนองเสือ อ.สามโคก อ.ลาดหลุมแก้ว น้ำจะเพิ่มขึ้นอีก 0.50-1 ม. จ.นครปฐม ที่ อ.เมือง อ.บางเลน อ.นครไชยศรี อ.สามพราน อ.ดอนตูม อ.กำแพงแสน และอ.พุทธมณฑล มีน้ำเพิ่มสูง 30-50 ซ.ม. จ.สมุทรสาคร ที่อ.เมือง อ.บ้านแพ้ว อ.กระทุ่มแบน มีน้ำสูงขึ้น 30-50 ซ.ม. จ.นนทบุรี ที่อ.เมือง อ.บางใหญ่ อ.ปากเกร็ด อ.บางบัวทอง อ.บางกรวย อ.ไทรน้อย มีน้ำสูงขึ้น 0.50-1 ม. พื้นที่ กทม. ประกอบด้วย คลองสามวา หนองจอก มีนบุรี คันนายาว และลาดกระบัง มีระดับน้ำคงที่ที่ประมาณ 1-1.20 เมตร หรือสูงขึ้นอีกเล็กน้อย รวมทั้ง เขตต้องระวังต่อเนื่องคือสายไหม กับบางเขน จึงขอให้ย้ายสิ่งของมีค่าให้สูงกว่าระดับน้ำ และติดตามประกาศของศปภ.ต่อเนื่อง หากจำเป็นต้องอพยพจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกศปภ. แถลง ประกาศฉบับที่ 5 โดยมีเนื้อหาขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือไม่ให้กลับเข้าสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร เนื่องจากขณะนี้น้ำสูงประมาณ 3 เมตร ศปภ.จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนเจ้าของ พนักงาน ให้ความร่วมมือกับศปภ. โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ไม่กลับไปในพื้นที่จนกว่าน้ำจะกลับมาอยู่ในระดับปลอดภัย อย่าได้ห่วงทรัพย์สิน ให้ห่วงความปลอดภัยตัวเอง และจัดเจ้าหน้าที่ตรวจตรา และหากจำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่เป็นกรณีพิเศษ เพื่อไม่ให้เป็นภาระในการเฝ้ารักษาความปลอดภัย
ด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที แถลงว่า ศปภ.มีมติให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำจากคลองระพีพัฒน์แยกตก ให้ไหลลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ตามความลาดเอียง โดยจะระบายน้ำไปทางทิศตะวันตก โดยให้กองทัพไทยทำคันกั้นน้ำและเสริมความแข็งแรงตั้งแต่คลอง 1 ของคลองระพีพัฒน์ไปจนถึงถนนวงแหวนรอบนอก ระยะทาง 20 ก.ม. และเสริมความแข็งแรงจากคลอง 1-8 รังสิต-นครนายก เพื่อให้น้ำไหลจากเหนือลงใต้ ผ่านทุ่งรังสิตไปทางทิศตะวันออก และจากคลอง 8 รังสิต-นครนายก จะมีคันกั้นน้ำกรมชลประทาน ที่รับผิดชอบเสริมความแข็งแรงให้บรรจบกับคลองหกวาล่าง ไปยังคลอง 13 เพื่อระบายน้ำไปด้านตะวันออก และไหลสู่ทะเล หากน้ำไปที่ไหนจะมีการแจ้งเตือนประชาชนอีกครั้ง ทั้งนี้เรามีเวลาอีก 48 ชั่วโมง ซึ่งทุกหน่วยงานรับไปปฏิบัติแล้ว
หมายเหตุ : คลิกดู หรือ ดาวน์โหลดแนวพนังกั้นน้ำใหม่ได้ที่นี่
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeE9UQXpNRGs1TUE9PQ==§ionid=
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|