เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2554 ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งนายอดิสรณ์ กำเนิดสิริ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ อส.ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกตรวจสอบสถานบริการในแหล่งชุมชนเมืองที่มีชาวเมืองเชียงใหม่ลุกฮือเข้า ไปร้องเรียน กรณีแหล่งบันเทิงร้านอาหารทั้งชาวไทยและต่างประเทศ มีการเปิดขึ้นในย่านเก่าแก่ของเชียงใหม่ติดวัดและโรงเรียน จนทำลายบรรยากาศความเป็น "นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม" โดยบางแห่งเปิดจนยันสว่าง เป็นที่เอือมระอาแก่ชาวเมืองที่อาศัยอยู่ตามวิถีชีวิตที่รักสงบมาแต่ดั้ง เดิม
จุด แรกที่เข้าไปตรวจดูเป็นย่านบาร์เบียร์ถนนคชสารและถนนลอยเคราะห์ ที่ตลอดทั้งเส้นทางมีบาร์เบียร์มากกว่า 100 แห่ง กลมกลืนกับวัดพันตองและวัดลอยเคราะห์ที่อยู่ในบริเวณนั้น มีชาวต่างประเทศเข้าไปหาความบันเทิงจนแน่นไปหมด มีทั้งสาวนุ่งน้อยห่มน้อย ทั้งสาวจริงและกะเทย เมื่อเห็นคณะผู้ว่าฯเข้าไป ต่างก็พากันทยอยปิดร้าน จากนั้นทางคณะผู้ว่าฯได้เดินทางไปตรวจที่บริเวณถนนช้างม่อย ที่มีการร้องเรียนของชาวบ้าน พบว่ามีร้านอาหารเปิดเล่นดนตรีเสียงดั่งสนั่น แม้ว่าจะเลยเวลาปิดแล้วก็ตาม และมีแหล่งบาร์เบียร์ติดรั้ววัดชมภู เสียงดนตรีและผู้ที่เข้ามาใช้บริการในร้านเสียงดังลั่นไปหมดแต่ที่แห่งนี้ เมื่อรู้ว่าทางผู้ว่าฯจะเข้ามาตรวจ ก็พากันปิดร้านก่อนจำนวนมาก ต่อจุดที่ 3 ที่บริเวณย่านตลาดบุญอยู่ ที่มีแหล่งบันเทิงกว่า 20 ร้าน อยู่ห่างจากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยเรียนอยู่ ถือเป็นแหล่งบันเทิงใหญ่ เมื่อคณะผู้ว่าฯเข้าไป หลายร้านรีบปิดร้านทันที
ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า จะต้องมีการนำ พ.ร.บ.สถานบริการ เข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้สบายใจ จะต้องมีการเข้มงวดกวดขันในเรื่องของโซนนิ่งต่างๆ หากจะมีการนำเรื่องของโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจมาพูดจามันคนละเรื่องกัน แต่สิ่งที่จะต้องมองไปข้างหน้า ความเรียบร้อยของความเป็นเมืองวัฒนธรรมของเชียงใหม่ ความเป็นบ้านเมืองที่อารยะ ผู้คนยอมรับนับถือมาช้านานจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ในการตรวจครั้งนี้จะทำให้เห็นว่าจังหวัดใดก็ตามที่เป็นเมืองท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเจ้าของสถานบริการทั้งหลายจึงเลินเล่อ มีความเข้าใจผิดไป เห็นชาวต่างประเทศมาเที่ยวกันมากมาย ก็เลยขาดความเคารพในกฎระเบียบและสังคม
จาก นี้ไปจะต้องมีการปรับแผนกันใหม่ จะต้องมีการอบรม บอกกล่าวสิ่งที่จะต้องปฏิบัตินั้นมีอะไร จะมีการจัดตั้งทีมงานเข้าลงพื้นที่ตรวจอย่างสม่ำเสมอชนิดคุมเข้ม ตนห่วงใยในเรื่องเปิดเกินเวลา เพราะความเมามายของนักท่องเที่ยว เมื่อเมาแล้วจะนำมาซึ่งความผิดกฎหมาย ได้มีการทะเลาะวิวาททำร้ายกัน และมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาต้องเฝ้าระวังกัน จึงจะต้องมีการวางมาตรการที่เข้มข้น ตนเห็นว่าทางเจ้าของสถานที่ให้เช่าสถานบันเทิงควรจะคำนึงว่าจะเปิดร้านอะไร ทั้งๆที่อยู่ใกล้วัด ก็น่าจะมีความเคารพในพระพุทธศาสนา เหมือนที่มาตรวจพบพระสงฆ์องค์เจ้าที่จำวัดอยู่ได้รับการรบกวนมากในยามวิกาล เรื่องนี้จะต้องมีการตั้งคณะทำงานให้มีการควบคุมสถานบันเทิงต่างๆให้อยู่ใน กรอบของกฎหมายอย่างเข้มข้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายร้านที่มีกลุ่มอิทธิพลเข้าไปหนุนหลังอยู่ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าสถานที่บันเทิงทั้งหลายที่มีอิทธิพลหนุนอยู่เบื้องหลัง ก็ขอบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็ควรจะคิดได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ของสังคม ก็ควรจะสนับสนุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นคุณงามความดีที่จะเกิดประโยชน์ต่อ สังคม ต่อเยาวชนและผู้คนในบ้านเมือง ไม่น่าสนับสนุนในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และการควบคุมจะต้องมีการนำเรื่องโซนนิ่งแหล่งบันเทิงเข้ามาดำเนินการใหม่ ไม่ใช่เปิดที่ไหนก็เปิดได้ ไม่คำนึงว่าจะติดวัดติดโรงเรียนทำให้ประชาชนทนไม่ได้ ต้องออกมาร้องเรียนกัน ซึ่งต้องมีการดำเนินการคุมเข้มตลอดไป และให้เข้ารูปเข้ารอยโดยเร็วที่สุด http://www.thairath.co.th/content/region/213947