• จาตุรนต์ แถลงจุดยืนอดีตคน ทรท. |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 03 มิ.ย. 50 เวลา 11:11:51 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันที่ 2 มิ.ย. ที่ทำการพรรคไทยรักไทย อาคารนวสร ถนนพระราม 3 นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มไทยรักไทย แถลงข่าวแสดงความขอบคุณสื่อมวลชนทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ได้ติดตามทำข่าวการแสดงจุดยืนของพรรคไทยรักไทย ในวันที่มีการตัดสินคดียุบพรรค แม้ว่าสื่อโทรทัศน์ทางสถานีจะไม่ได้เผยแพร่ข่าวของตนและกลุ่มไทยรักไทย เนื่องจากมีความพยายามสกัดกั้นและยกเลิกการสัมภาษณ์ แสดงให้เห็นว่านี่คือเมืองไทยในขณะนี้ ขอพูดในฐานะประชาชนชั้นสองของประเทศ ที่บัดนี้ไม่มีสิทธิเสรีภาพเหมือนดังเช่นประชาชนคนทั่วไป แต่เหมือนกับเป็นคนต่างด้าวคนหนึ่ง เพราะได้มีการลิดรอนสิทธิเสรีภาพที่เป็นเรื่องใหญ่ ที่มิอาจยอมรับได้ โดยเฉพาะกับข้อหาที่ระบุว่า พวกตนมีส่วนร่วมในการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง ไม่สามารถยอมรับกับคำตัดสินของคณะที่ได้อำนาจมาโดยไม่เป็นประชาธิปไตยได้ ลั่นคำวินิจฉัยอยุติธรรมยอมรับไม่ได้ นายจาตุรนต์กล่าวว่า เข้าใจสภาพดีและไม่ประสงค์ที่จะต่อต้านหรือประท้วง ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะใช้สติในการแก้ไขปัญหา แต่ในฐานะคนไทยสามารถที่จะวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงขอใช้สิทธิในฐานะพลเมือง วิจารณ์คำตัดสินของศาลเพื่อให้ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา เพราะเห็นว่าการ ที่กรรมการบริหารพรรคจำนวน 111 คน ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ได้รับความอยุติธรรม เพราะเกิดการยอมรับอำนาจในการสั่งการของผู้ยึดอำนาจที่มิใช่เป็นประชาธิปไตย เนื่องจากผู้ยึดอำนาจออกคำสั่ง คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 มุ่งประสงค์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องทำลายล้างพรรคการเมืองที่เห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม และความไม่ยุติธรรมนี้เกิดจากการตีความว่าประกาศที่ออกมาสามารถมีผลย้อนหลังในการลงโทษบุคคล ทำให้ขัดต่อหลักสำคัญที่ว่า 1. แสดงว่ามีการยอมรับอำนาจเผด็จการโดยดุษฎี ทั้งที่คำสั่งของ คปค.เกิดจากการสั่งการของคนคนเดียว นำมาซึ่งการขัดหลักนิติรัฐ ขาดหลักนิติธรรม 2. ขัดต่อการที่บุคคลต้องได้รับโทษจากการกระทำของตนเองเท่านั้น แต่ครั้งนี้ทำให้บุคคลต้องรับโทษจากการกระทำของผู้อื่นด้วย จนทำให้เกิดความสับสนและความเข้า ใจที่ผิดเพี้ยน ทำให้เข้าใจได้ว่าสิทธิและเสรีภาพทาง การเมือง และสิทธิการเลือกตั้งไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว ส่งคำวินิจฉัยให้ทุกองค์กรช่วยศึกษา นายจาตุรนต์ยังกล่าวด้วยว่า ระหว่างนี้ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายศึกษาคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญทั้งหมดอย่างจริงจัง และควรเปิดโอกาสให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเสรี ทั้งนี้ ทางกลุ่มไทยรักไทยจะรวบรวมคำวินิจฉัยเป็นรูปเล่ม เพื่อส่งให้นักวิชาการคณะนิติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ นิสิตนักศึกษา รวมทั้งจัดทำเป็นฉบับแปลภาษาอังกฤษส่งให้องค์กรต่างๆทั่วโลก ทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลสูงสุดของประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมไปถึงองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ และองค์ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบพรรคการเมืองได้รับทราบ และทำให้เกิดการศึกษาอย่างจริงจัง เพราะเห็นว่าขณะนี้สังคมไทยกำลังเป็นสังคมที่มีปัญหา จำเป็นต้องเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้ตรงกัน ในเรื่องของหลักความเป็นนิติรัฐ หลัก กฎหมายทั่วไป ความหมายของสิทธิเสรีภาพของประชาชน ความสำคัญของพรรคการเมือง เหตุผลความจำเป็นในการยุบพรรค รวมถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังมีการยุบพรรคการเมือง ต้องศึกษาครั้งใหญ่ว่าสังคมไทยต้องการการปกครองระบอบอะไรกันแน่ ไม่ขอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ต่อข้อถามถึงการหาทางออกด้วยการถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ นายจาตุรนต์กล่าวว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่สำหรับตนไม่ได้คิดที่จะแก้ปัญหาของตัวเองด้วยการถวายฎีกา เพียงแต่เคยพูดว่าจะอุทธรณ์ได้หรือไม่ เพราะต้องการพูดให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคได้รู้สึกผ่อนคลายว่ายังมีทางออก แต่เมื่อได้รับฟังความเห็นจากหลายฝ่ายแล้ว ก็พบว่าช่องทางดังกล่าว ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ ต่อข้อถามว่า ประธาน คมช.เสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน นายจาตุรนต์กล่าวว่า เป็นความคิดที่ดี แต่ฟังแล้วไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจจริง ทั้งนี้จะไม่ขอร้องให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ถ้าจะออกให้ก็จะทำจดหมายขอทราบเหตุผลที่ชัดเจนว่าพวกตนทำผิดอะไร เพราะยอมรับไม่ได้หากใครจะมาบอกว่าพวกตนทำผิดแล้วจึงจะยกโทษให้ ทั้งนี้ ทางออกที่เป็นธรรมก็ควรจะออก พ.ร.บ.แก้ประกาศ คปค.ทั้ง 2 ฉบับด้วยการยกเลิกเนื้อหาสาระของประกาศทั้ง 2 หรือยังคงสาระการเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารไว้ แต่ต้องแก้ไข ให้ชัดเจนว่าให้โทษนั้นไม่มีผลย้อนหลังกับการกระทำที่เกิดขึ้น ทหารบังคับชาวบ้านหนุนผลยุบ ทรท. นายพีรพันธ์ พาลุสุข ทีมกฎหมายกลุ่มไทยรักไทย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากอดีต ส.ส.ทางภาคเหนือของพรรคไทยรักไทยในหลายจังหวัด โดยเฉพาะพรรคไทยรักไทยว่า นายอำเภอในหลายพื้นที่ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จัดชาวบ้านไปชุมนุมที่สวนตุง จังหวัดเชียงราย ในวันนี้ 2 มิ.ย. เวลา 17.00 น. เพื่อสนับสนุนคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ ทำให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านหลายคนอึดอัด และหลายคนจำใจต้องเกณฑ์ชาวบ้านไปร่วมชุมนุม นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี กลุ่มไทยรักไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้าน ได้รับการร้องเรียนจากผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่ว่า ถูกทหารและทางราชการบังคับขอให้จัดคนไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดในเย็นวันที่ 2 มิ.ย. เพื่อให้สนับสนุนคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญในเรื่องการยุบพรรคว่าเป็นไปโดยถูกต้องแล้ว ซึ่งผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านต่างไม่เห็นด้วยกับการขอร้องแกมบังคับของทางราชการในเรื่องนี้ เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ทีชาวบ้านกลุ่มที่เขาไม่เห็น ด้วยและอยากจะออกมาเรียกร้องต่อต้านรัฐบาล และคมช.กลับถูกรถถังและปลายกระบอกปืนกดเอาไว้ จี้ คมช.เลิกกฎเหล็กปิดปากชาวบ้าน นายสุพลกล่าวว่า อยากเรียกร้องให้รัฐบาลและคมช.ยกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 โดยเร็ว รวมทั้งยกเลิกกฎอัยการศึกในจังหวัดที่ยังคงใช้บังคับไว้ด้วย เพื่อให้ชาวบ้านเขาได้แสดงออกโดยเสรีภาพ ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะทำให้ได้รู้ว่าความต้องการที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไรกันแน่ ถ้ามัวแต่เอาปลายกระบอกปืนมากดเขาไว้เช่นทุกวันนี้ก็เท่ากับปกปิดความจริง และนับวันก็จะยิ่งทำให้ปัญหารุนแรง สร้างความแตกแยกมากขึ้น เพราะทุกวันนี้จากการสัมผัสชาวบ้านในพื้นที่พบว่ากว่า 70% ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจเผด็จการของรัฐบาลและ คมช. และอยากให้คืนประชาธิปไตยสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด เชื่อว่าถ้าให้ประชาชนเขาได้แสดงออกโดยเสรีรับรองคนออกมาต่อต้าน คมช.มากกว่าหนุนหลายเท่า ดังนั้น หากรัฐบาลและ คมช. ไม่อยากให้สถานการณ์มันรุนแรงมากไปกว่านี้ก็ควรที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้นกว่าเดิมให้มากที่สุด มัชฌิมาฉะ คมช.จ้องสืบอำนาจ นายโสภณ เพชรสว่าง หัวหน้าคณะทำงานด้านการเมือง กลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ในฐานะนักการเมืองที่ทำงานเพื่อประเทศชาติและสังคม เรามีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะเสนอให้มีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ถ้ารัฐบาล และ คมช. ทำได้อย่างที่ พูดจริงก็เป็นเรื่องที่ดี แต่พวกเราเห็นว่ายังไม่สามารถเชื่อถืออะไรได้ เพราะวันนี้มีสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลและคมช.ตั้งใจที่จะแยกสลายพรรคไทยรักไทย ไม่ให้กลับมามีบทบาททางการเมืองอีก โดย คมช.และรัฐบาลก็เตรียมที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ “วันนี้หลายอย่างทำให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลต้องการทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอลง มีความพยายามทำให้การเมืองไทยกลับไปเหมือนในอดีต ที่รัฐบาลทหารเข้มแข็ง แต่พรรคการเมืองอ่อนแอ เราจึงไม่เชื่อว่ารัฐบาลและ คมช.มีความจริงใจที่จะนิรโทษกรรมให้กับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่ตัดสินออกมาอย่างนี้ เชื่อได้เลยว่าในอนาคตการเลือกตั้งอาจยังไม่ เกิดขึ้นหรือล่าช้าออกไป เพราะพรรคการเมืองใหม่ที่รัฐบาลและ คมช.จะตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ และให้พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมรัฐบาลนั้น ยังก่อตั้งไม่เสร็จสิ้น” นายโสภณกล่าว “วินัย” วิ่งล็อบบี้บรรดากลุ่มการเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานจากกลุ่มมัชฌิมาว่า กลุ่มมัชฌิมาได้มีการประเมินสถานการณ์ว่า คมช.ต้องการที่จะจัดการกับพรรคไทยรักไทยแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไล่ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ฐานอำนาจต่างๆและกลุ่มการเมืองที่เคยอยู่กับพรรคไทยรักไทย เพื่อไม่ให้กลายเป็นนอมินี ที่จะทำให้ไทยรักไทยกลับสู่อำนาจได้ในอนาคต การที่ประกาศ คปค.มีผลย้อนหลัง ก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลและ คมช.ต้องการถอนรากถอนโคน ฐานอำนาจพรรคไทยรักไทยทุกระดับ โดยกลุ่มมัชฌิมามองว่า ในอนาคตจะมีการออกกฎหมายปิดทาง ไม่ให้สมาชิกพรรคหรืออดีต ส.ส.ของพรรค ที่ถูกยุบลงสมัคร ส.ส.ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังที่มีคำตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกลาโหมและเลขธิการคมช. ได้โทรศัพท์ไปยังแกนนำกลุ่มการเมืองต่างๆ อาทิ กลุ่มสมานฉันท์ของนายพินิจ จารุสมบัติ และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กลุ่มมัชฌิมาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เพื่อทำความเข้าใจถึงสถานการณ์การเมือง โดยขอความร่วมมือให้แกนนำกลุ่มต่างๆ ยอมรับคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวใดๆ โดยเฉพาะการกลับไปร่วมมือกับพรรคไทยรักไทย โดย พล.อ.วินัยบอกกับแกนนำกลุ่มการเมืองว่า ยังมีช่องทางอื่นที่จะกลับมาทำงานการเมืองได้ เช่น การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ข่าวจากไทยรัฐ
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1259 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 มิ.ย. 50
เวลา 11:11:51
|