• คนค้นฅน **ทูเว แฉ่วา ผีบ้าหวงป่า ชายผู้รักษาแผ่นดิน |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 28 ม.ค. 56 เวลา 14:32:08 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันเสาร์ที่ 26 มกราคม รายการคนค้นฅนได้พาทุกคนไปเปิดโลกของ "ทูเว แฉ่วา" ชาวปกาเกอะญอที่ถูกคนเรียกขานว่า "ผีบ้า" แต่จริง ๆ แล้ว เรื่องราวของ "ทูเว" ยังมีอะไรที่น่าสนใจให้ค้นหาไปพร้อม ๆ กันอีกมากมาย
สมญานามว่า "ผีบ้า" ของชายรูปร่างผอมบางวัย 40 ปีผู้นี้ เป็นเพราะอุปนิสัยส่วนตัวของ "ทูเว" ที่เขามักจะพูดพร่ำเรื่องถูกคู่ชีวิตทอดทิ้ง จนดูเหมือนคนเสียสติ บ้า ๆ บ๊อง ๆ คิดอะไรไม่เหมือนคนอื่น ไม่ชอบทำงานกับคนอื่น แต่ถึงกระนั้น สิ่งหนึ่งที่ "ทูเว" พูดอยู่เสมอไม่แพ้เรื่องคู่ชีวิตก็คือ "การปลูกป่า" ตลอด สิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาใช้ชีวิตอยู่กับป่าไม้ ตระเวนปลูกผืนป่ารักษาต้นน้ำไว้ให้ลูกหลานไปทั่วพื้นที่บ้านตีนตาด ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ จนอาจจะบอกได้ว่า ไม่มีภูเขาลูกใดในพื้นที่บ้านตีนตาดที่ชาวปกาเกอะญอคนนี้ไปไม่ถึง
ทูเว พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า แฟนทิ้งเขาไปมีคนอื่น เพราะเขาจน และเป็นคนไม่มีอะไร หนำซ้ำยังมัวแต่ปลูกป่าที่แฟนของเขาบอกว่า "มัวแต่ปลูกป่าอย่างเดียว ต้นไม้มันกินไม่ได้หรอก ถ้ามัวแต่ทำอย่างนี้ก็อดตาย ปลูกที่ไหนก็ปลูกไปเถอะ จะไปอยู่ที่อื่นแล้ว..." คำพูดของแฟนทำให้ ทูเว เสียใจไม่น้อย แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทูเว ก็เข้าใจ และบอกชัด ๆ เลยไม่อยากให้คนรักกลับมาอีกแล้ว จะขอปลูกป่าอย่างเดียวดีกว่า
กิจวัตรประจำวันของ "ทูเว" ก็คือการปลูกป่า ทำฝาย เก็บขยะ และบอกให้ทุกคนในหมู่บ้านใช้ชีวิตตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง จนชาวบ้านรู้สมญานามของเขาดี หลายคนก็ฟัง ๆ แต่ไม่ได้ทำตาม เพราะมอง ทูเว เป็นคนบ๊อง ๆ ในระยะแรกจึงมีแต่เพียง ทูเว คนเดียวเท่านั้นที่มุ่งมั่นปลูกป่า สร้างฝายเพียงลำพัง โดยไม่ยี่หระต่อเสียงชาวบ้านที่เย้ยหยัน
จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของหนุ่มวัยกลางคนรายนี้ นั้น มาจากการที่เมื่อหลายปีก่อน เขาได้มีโอกาสเข้าไปอบรมการใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และได้กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดและการกระทำของ ทูเว เขาตัดสินใจทิ้งบ้าน เข้าไปอยู่ในป่า คอยดูแลรักษาป่า ไม่ยอมทำงานอื่น จนข้าวไม่มีจะกิน ในที่สุดภรรยาจึงทอดทิ้งเขาไป แต่ ทูเว กลับบอกว่า "นั่นแค่เมียผมเพียงคนเดียว สู้ป่า สู้น้ำที่จะใช้เลี้ยงชีวิตคนอีกมากมายไม่ได้ คน ๆ เดียว ผมเลือกเอาคนหมู่มากดีกว่า"...
หลังจากนั้น "ทูเว" ก็เดินหน้าปลูกป่าด้วยสองมือของเขาด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น จนลืมคำว่า "ท้อ" แม้เขารู้ว่าชาวบ้านมองว่าเขาบ้า แต่เขาก็ไม่สนใจ เดินหน้าเข้าป่า ปลูกต้นไม้ เก็บขยะ สร้างฝายต่อไปเรื่อย ๆ โดยหวังจะให้ลูกหลานชาวไทยได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เขาทำ พร้อมกับหาความรู้เรื่องผืนป่าให้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ
จากความพยายามของ ทูเว ที่เพียรเข้าป่าหาเมล็ดพันธุ์มาเพาะในแปลงของต้นเอง จนเมื่อได้ต้นกล้าแล้ว จึงนำต้นกล้านั้นไปปลูกแซมผืนป่าตลอดเส้นทาง ห่างกันทุก ๆ 1 เมตร กระทั่งในที่สุด เวลาผ่านไปสิบกว่าปี พื้นที่้ต้นน้ำของหมู่บ้านก็กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ ทำให้ชาวบ้านที่เคยดูแคลนชายบ้าคนนี้ หันมาดำเนินชีวิตตามรอยของ "ทูเว" มากขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน มีชาวบ้านส่วนหนึ่งกลายมาเป็นแนวร่วมปลูกต้นไม้ ทำฝายเช่นเดียวกับทูเว เพราะเข้าใจแล้วว่า หากไม่มีทูเวในวันนั้น ชาวบ้านก็คงจะไม่มีน้ำกินน้ำใช้อย่างเช่นทุกวันนี้
หลังจากเสร็จ สิ้นภารกิจ "คืนชีวิตให้แผ่นดิน" ที่เขากระทำในทุก ๆ วัน ในช่วงเย็น ทูเว ก็ไม่ได้กลับไปอยู่ที่หมู่บ้าน แต่เขากลับเลือกที่จะมาอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ในผืนป่าที่เต็มไปด้วยพืชผลต่าง ๆ มากมายที่เขาปลูกไว้ใช้เป็นแปลงผสมผสานการเกษตร จนวันนี้ผืนป่าและบ้านของ ทูเว ก็ได้กลายเป็นห้องเรียนชีวิตให้กับเด็ก ๆ ได้ศึกษา ส่วนตัวเองก็ใช้ ชีวิตแบบพอเพียงเพราะเขาบอกว่า คนเราเกิดมาตัวเปล่า ไม่มีเสื้อ ไม่มีกางเกง แต่วันนี้เขามีเสื้อ มีกางเกง มีที่นอนแล้ว แค่นี้ก็พอเพียงแล้ว
"ต้นไม้ เป็นพ่อ น้ำเป็นแม่ ทั้งหมดก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ผมก็เป็นลูก ถ้าไม่มีต้นไม้ ชีวิตก็อยู่ไม่ได้ ไม่มีต้นไม้ก็ทำบ้านไม่ได้ ไม่มีอะไรเลย ถ้าไม่มีน้ำก็อยู่ไม่ได้ คงตายนานแล้ว น้ำเยอะก็อยู่ไม่ได้ น้ำจะท่วม เป็นภัยพิบัติ ผมไม่รู้ว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นเมื่อไร เหมือนกับคนที่รู้ว่าเกิดเมื่อไร แต่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร ภัยพิบัติจะเกิดก็เกิดจากคนที่ขัดแย้งกัน ประชาชนทะเลาะกันวุ่นวาย บางคนก็ชอบต้นไม้ บางคนก็ชอบทำลาย..." คำพูดของ ทูเว ที่ฟังดูแล้วบอกได้ชัดเจนว่า เขาไม่ใช่ผีบ้าอย่างที่ใคร ๆ เรียกกันแน่นอน หากแต่เป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีแนวคิด เต็มไปด้วยความเสียสละและน่ายกย่องมากที่สุดคนหนึ่ง
เรื่องราวของทูเวจะทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่า การดูแลป่าและสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน้าที่ของกรม หรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง หาก แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องปกปักรักษาผืนป่าอันเป็นทรัพยากร ธรรมชาติที่เราควรหวงแหนไว้ด้วยสองมือของพวกเราเอง อย่างที่ ทูเว แฉ่วา บอกกับชาวชุมชนบ้านตีนตาดว่า
"โชคดีที่ วันนี้พวกเรามาช่วยกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ถ้าทำอยู่คนเดียว คิดอยู่คนเดียว ก็ทำไม่ได้ เหมือนต้องเอามือหลาย ๆ มือมารวมกัน ถึงจะทำไหว..."
(เนื้อหานี้ จะลบตัวเองภายใน 24 ชม. หากใครต้องการอ่านเนื้อหาจะลิงค์ไปยังที่มาต้นฉบับ)
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3016 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 28 ม.ค. 56
เวลา 14:32:08
|