• พบสงฆ์จำพรรษาในถ้ำกลางป่าที่ดอยเชียงดาว |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 04 ก.ค. 50 เวลา 09:49:53 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พบพระสงฆ์อาศัยถ้ำทำเป็นสำนักปฏิบัติธรรม เช้าเดินต้องเดินลงจากถ้ำบิณฑบาต ขากลับต้องปีนป่ายเข้า ถ้ำ ชาวบ้านระดมกำลังเงินเพื่อสร้างบันไดให้กับพระสงฆ์ ภายในถ้ำ มีทั้งห้องนอน ห้องโถงทำพิธีกรรม ทางพุทธศาสนา และที่ฉันอาหารและยังมีทั้งบ่อน้ำศักดิ์สิทธิภายในถ้ำ พระสงฆ์ต้องขึ้นลงแบบทุลักทุเล
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 2 กค.50 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมู่ 4 บ้านปางมะเยา ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ว่า พบถ้ำแห่งหนึ่งภายในป่าของหมู่บ้าน ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางจากถนนเข้าไป 1- 2 กิโลเมตร โดยถ้ำดังกล่าว อยู่บนดอยหน้าผาสูงชันผ่านไร่ข้าวโพดของชาวบ้านเข้าไป ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที หลังจากได้รับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ และพบว่าถ้ำดังกล่าวได้มีพระสงฆ์ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมโดยยังไม่มีการก่อสร้างอะไร การเดินเข้า ออกถ้ำนั้นเป็นไปด้วยความลำบากมากพระสงฆ์ที่จำพรรษาที่ถ้ำแห่งนี้ต้องเดินไต่เขาขึ้นไป เวลาจะออก บินฑบาตรก็ต้องเดินออกจากถ้ำลงมาไปยังหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า ถ้ำสุวรรณคูหา ซึ่งสวยงามตามแบบธรรมชาติ ชาวบ้านให้ความศรัทธาเป็นอย่างมากเพราะข้างในมีบ่อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วย และชาวบ้านได้นำน้ำดังกล่าวไปล้างตามตัวและดื่มเชื่อว่าจะสามารถให้ฏรคภัยไข้เจ็บหายไปและต้องการให้มีการบูรณะทำทางเดินให้กับพระภิกษุสงฆ์ที่มาจำพรรษาที่ถ้ำแห่งนี้และให้บูรณะเป็น สถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ทั่วไปและชาวบ้านก็พร้อมที่จะมาทำบุญที่สำนักสงฆ์ถ้ำแห่งนี้ด้วย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังถ้ำดังกล่าว ภายในถ้ำนั้นได้จัดให้เป็นห้องโถงมีพระพุทธรูปประดิษฐาน ไว้ตามโขดหินภายในถ้ำและบริเวณประกอบกิจทางศาสนา โดยภายในถ้ำแบ่งเป็น 3 ชั้น ครึ่ง เหมือนตึกแถว โดยปากถ้ำต้องเดินเท้าไต่ขึ้นไปสูงประมาณ 200 เมตร ไม่สูง ชัน พอไต่ขึ้นไปแล้วปากถ้ำจะกว้างประมาณ 3-4 เมตร จะมองเห็นห้องโถงใหญ่อยู่ตรงกลาง จากการ สำรวจของผู้สื่อข่าวถ้ำแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ชั้นครึ่ง โดยชั้นกลางเป็นห้องโถงใหญ่แบ่งเป็น 3 ห้องมี ธาร น้ำไหลจากผนังลงมาจนกลายเป็นพลึกแก้วสวยงามอยู่ในห้องโถงด้านใน ส่วนชั้นบนเป็นห้องขนาดเล็ก ขนาดน้อย มีธารน้ำไหลลงมาเช่นกัน และจากกระแสน้ำไหลลงมาเป็นระดับชั้น ทำให้เกิดหินงอกหินย้อยและพลึกแก้วทุกชั้น ส่วนชั้นล่างหรือชั้น 3 เป็นห้องโถงแล้วมีบ่อน้ำกว้าง ประมาณ 1 เมตร ลึกมากไม่สามารวัดได้ อยู่ภายในมีแสงเทียนและแสงไฟจากเครื่องปั้นไฟมาติดตั้ง ไว้ ให้ชมชั่วคราว ซึ่งชาวบ้านเชื่อเป็นบ่อน้ำศักดิ์ และภายในถ้ำดังกล่าวคณะศรัทธาต้องใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟแทนไฟไฟ้าแรงสูงและพบว่ามีทางลงไปชั้นล่างของถ้ำคดเคี้ยวอีกหลายห้อง ที่น่าอัศจรรย์คือมีห้องนอนเป็นห้อง ๆ เหมาะแก่การจำศีลภาวนาของพระภิกษุสงฆ์ด้วย จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าถ้ำมีความลึกมากมีทางลงไปอีกหลายช่องทาง แต่ไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจเนื่องจากเกรงจะได้รับอันตรายเพราะไม่มีแสงสว่างขณะ โดยความแปลกของถ้ำจะ ซอยเป็นห้องแบ่งชั้น บางห้องเป็นห้องเล็ก ๆ ภายในถ้ำสามารจัดเป็นห้องนอนหรือห้องพักผ่อนได้เลย
นายประเสริฐ บุญยัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านปางมะเยา ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาวเชียงใหม่ เปิดแผยว่าชาว บ้านเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เป็นสถานทีศักดิ์สิทธิ์ อยากไว้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และประชาชน ชาวที่ที่อยู่ในระแวกดังกล่าวจะได้มาทำบุญที่สำนักงสงฆ์แห่งนี้ถึงแม้จะยากลำบากในการเดินทางขึ้นแต่ ชาวบ้านก็ยินดี ประกอบกับมีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่บางแล้วที่ถ้ำแห่งนี้ ทางตนได้เสนอไปยัง อบต.ปิง โค้ง ซึ่งหลายฝ่ายก็ให้การสนับสนุนและพร้อมที่จะมาช่วยกันบูรณะเพื่อเปิดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมให้ กับพระสงฆ์โดยจะทำการบูรณะเส้นทางขึ้นถ้ำแห่งนี้ส่วนภายในถ้ำก็ให้ทางพระสงฆ์ดำเนินการดูแลต่อ ไป เพื่อให้ประชาชนได้ขึ้นมาทำบุญบนถ้ำได้โดยสะดวก เป็นถ้ำที่สวยงามมาก ตอนนี้ได้มีชาวบ้านพา กันร่วมกันบริจาคหาเงินเพื่อสร้างทางขึ้นไปยังถ้ำให้ดีกว่านี้เพราะปกติแล้วก็จะเห็นพระสงฆ์ที่จำพรรษา อยู่ในถ้ำ
ตอนเช้าก็ออกบิณฑบาตต้องเดินออกจากถ้ำลงดอยอย่างทุลักทุเล เวลาขึ้นไปบนถ้ำก็ลำบาก เพราะทางขึ้นถ้ำนั้นยังไม่ได้ปรับปรุงพระสงฆ์ต้องปีนป่ายเป็นบางจุด ทาง อบต.และชาวบ้านจึงได้ตกลง ที่บูรณะทางขึ้นสำนักถ้ำแห่งนี้เพื่อพระสงฆ์เพื่อประชาชนชาวบ้านจะได้ขึ้นมาทำบุญได้โดยสะดวกต่อไป นายประเสริฐ บุญยัง ผู้ใหญ่บ้านได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านเคยพูดให้ฟังว่าถ้ำแห่งนี้มี มานานหลายร้อยปี โดยล่าสุดเมื่อ 30-50 ปีก่อน มีชาวบ้านเล่าสืบกัน มาว่ามีพระสงฆ์เดินธุดงค์มาแล้วมาปักกรดเพื่อปฎิบัติธรรมอยู่ช่วงระยะหนึ่ง แล้วก็เดินทางต่อไปหลัง จาก นั้นถ้ำแห่งนี้ก็ไม่มีใครเดินทางเข้าไปจนกระทั่งต่อมามีพระครูบาดาบส ได้มาจำพรรษาที่ถ้ำแห่งนี้และท่าน ก็ได้มรณภาพไปนานแล้ว และถ้ำแห่งนี้ก็ปล่อยร้าง ต่อมาพระปลัดนภดล หรือพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย เจ้าอาวาสแห่งวัดพระบาทปางแฟน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ดเชียงใหม่ ได้เห็นความสำคัญของถ้ำแห่งนี้ เพราะพระเกจิครูบาดาบส ได้ทิ้งพระพุทธรูปสำคัญไว้ในถ้ำแห่งนี้จำนวนมาก ควรค่าแก่การรักษาบำรุง ไว้ จึงได้มาทำพิธีเปิดถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และได้นำพระสงฆ์และสามเณรมาจำ พรรษาที่ถ้ำแห่งนี้ และชาวบ้านในระแวกนี้ก็ศรัทธา ทาง อบต.ปิงโค้ง และทางชาวบ้านเห็นความยาก ลำบากในการดำรงอยู่ของพระสงฆ์ในถ้ำ เนื่องจากทางเดินขึ้นถ้ำนั้นลำบาก จึงได้เตรียมจัดหางบ จำนวน 2 แสนบาทเพื่อสร้างบันไดทางขึ้นไปถ้ำเพื่อสะดวกกับพระสงฆ์หรือประชาชนที่จะขึ้นไปทำบุญที่ ถ้ำแห่งนี้ สำหรับภายในถ้ำนั้นพื้นที่ยังสำรวจไม่หมดยังมีอีกหลายจุดภายในถ้ำ ในเบื้องต้นทางชาวบ้าน และพระสงฆ์ก็ได้จำทำแบ่งห้องให้เป็นสัดส่วนแล้วเพื่อให้ประชาชนได้ขึ้นมาชมและลงไปดื่มและดูบ่อ น้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำ. ข่าวจาก เชียงใหม่นิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2527 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 04 ก.ค. 50
เวลา 09:49:53
|