กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันนี้ผมไปพบกับบทความหนึ่งจากเว็บ oknation.net บทความนี้เป็นบทความของคุณ ISD-Training โดยคุณ ISD-Training ได้เล่าประสบการณ์ชีวิตของเค้า โดยให้ชื่อบทความว่า "ปริญญาโท ปริญญาชีวิตในต่างแดน "ซึ่งได้เขียนไว้ทั้งหมด 2 ตอน ซึ่งผมคิดว่าเป็นบทความที่ดีและเป็นประโชยน์ในระดับหนึ่ง เกรินมายาวและเรามาอ่านเรื่องจริงจากบทความของเขาเลยดีกว่า
[b]ปริญญาโท ปริญญาชีวิตในต่างแดน ตอนที่1[b]
การเรียนต่อต่างประเทศ คงเป็นความฝันที่ใคร ๆ หลายคนต้องมี เรามั่นใจ แม้การไปเรียนต่อต่างประเทศของบางคน อาจจะเพียงแค่ 1 เดือน (ที่เป็นการไปเรียนหรือชุบตัวต่างประเทศด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว) บางคน 1 ปี ที่ไปเรียนภาษา (แต่จริง ๆ ล้วนแล้วแต่ได้ภาษาตามร้านอาหารไทยทั้งนั้น) บางคนก็ไปเรียนเป็นเรื่องเป็นราว ได้เป็นวุฒิปริญญาโทเป็นต้น
ในตอนแรก การเรียนต่อที่เมืองนอก ไม่อยู่ในความคิดของเรา ซึ่งคนไทยหลายคนคิดเช่นกัน เนื่องจากไม่เก่งภาษาอังกฤษ yes, no, ok, thank you เป็นคำที่พูดได้แค่นั้น และพวกเราก็กลัวการพูดผิด กลัวเป็นตัวตลกให้ชาวต่างชาติ ซึ่งรู้หรือไม่ว่าเป็นการเข้าใจผิดกันอยู่มาก มองกลับไปในมุมของฝรั่ง เขายังไม่อายที่จะพูดไทยกับเรา พอเขาพูดผิด เรากลับยิ้มและเอ็นดูเขาด้วยซ้ำ แต่เพราะคนไทยถูกปลูกฝังมาแบบไม่ถูกต้อง เมื่อพูดภาษาอังกฤษไม่ถูก เรามักจะโดนดุด่าจากคุณครูในห้องเรียน เมื่อเราไม่ชอบ เราก็ไม่อยากทำ
ค่าใช้จ่ายในการไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เด็กไทยหลายคนพลาดโอกาสในการไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว มีทุนให้เรียนฟรีอยู่เยอะมาก เพียงแต่ต้องหมั่นขยันหา ทุนฟรีไม่จำเป็นต้องให้แก่คนที่เรียนเก่งเสมอไป มีหลายทุนที่เพียงแค่เป็นคนประเทศใดประเทศหนึ่งตามเงื่อนไขที่กำหนดก็ใช้ได้แล้ว และไม่ได้จำกัดเฉพาะประเทศที่ด้อยพัฒนาตามที่เข้าใจกัน อย่างที่ตนเองไป ก็ได้ไปขอทุนของ British Council ซึ่งตอนแรกก็คิดเอาเองว่า เขาคงไม่ให้หรอก เพราะเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่ก็ลองขอไปแบบไม่ตั้งความหวัง ปรากฏว่าได้ทุนมาด้วย ทำให้รู้เลยว่า ตนเองเข้าใจผิด ความกลัว ความไม่กล้า ทำให้เกือบที่จะพลาดโอกาสไป
นอกจากนั้น คนไทยยังยึดติดกับการหารายได้พิเศษเฉพาะในร้านอาหารไทย อย่างที่บอกว่า คนไทยกลัวว่าตนเองใช้ภาษาอังกฤษไม่เก่ง แล้วจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เลยจำกัดตนเองแต่เพียงวงที่คุ้นเคย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถทำงานที่อื่นได้ด้วย เช่นในร้าน Macdonald ที่มีนักเรียน นักศึกษาทำงานพิเศษกันอยู่เยอะ และได้ฝึกภาษาอังกฤษด้วย ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของชาติอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีเพียงชาติไทยในโลก
[b]ปริญญาโท ปริญญาชีวิตในต่างแดน ตอนที่2[/b]
กลับมาที่จุดเริ่มต้นของการเรียนต่อต่างประเทศของเรา สิ่งแวดล้อมและสังคมที่รายรอบตัวเรามีอิทธิพลกับการเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ เมื่อได้ทำงานในบริษัทฯ ใหญ่ที่เพื่อนร่วมงานต่างมีความมุ่งมั่นที่จะได้ไปเรียนต่อปริญญาโทในต่างประเทศ เมื่อเราได้พบเจอในทุกวันทำงาน ได้กลายพันธุ์ให้เป็นคนที่เริ่มแสวงหาสถานทิ่ติวภาษาอังกฤษ เริ่มสมัครสอบ TOEFL และสุดท้าย หาคณะและมหาวิทยาลัยในเมืองนอกเพื่อสมัครเรียนต่อ และในวันหนึ่ง เราก็ได้โอกาสไปเรียนต่อปริญญาโทสาขาการจัดการการผลิต ณ ประเทศอังกฤษ
ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศที่ในอดีตเคยล่าประเทศอาณานิคมมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชีย อาทิเช่น อินเดีย มาเลเซีย ฮ่องกง ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย แต่ด้วยพระบารมีและพระปรีชาญาณของรัชกาลที่ 5 ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นประเทศเมืองขึ้นของอังกฤษ
เมื่อไปใช้ชีวิตในอังกฤษ บรรดาเพื่อนร่วมห้องเรียน จึงหนีไม่พ้นนักเรียนที่มาจากประเทศดังกล่าว ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศในเครือจักรภพ อันประกอบไปด้วยประเทศสกอตแลนด์ ประเทศไอร์แลนด์ และแคว้นเวลส์ แต่ละประเทศก็จะมีภาษาเป็นของตัวเอง รวมถึงสำเนียงในแบบของตัวเองด้วย
ในวันแรกที่ได้เข้าพักในบ้านนักเรียน ซึ่งเป็นบ้านที่แบ่งห้องให้เช่า 5 ห้องและมีห้องครัว กับห้องน้ำใช้ร่วมกัน ก็มีเพื่อนร่วมบ้านเป็นชาวไอริช (Irish) และชาวสกอตติช (Scotish) อุปสรรคที่เจอกับเด็กนักเรียนไทย ที่ภาษาอังกฤษก็แข็งแรงเหลือกำลัง (อันน้อยนิด) ก็คือการที่ฟังสำเนียงของเธอเหล่านั้นไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษไม่เก่งแล้ว มาเจอสำเนียงที่ฟังไม่ออกอีก เด็กไทยอย่างเรา ได้แต่ทำตาปริบ ๆ จะตอบ yes, no, ok, thank you ก็เกรงว่าจะเป็นการผูกมัดทำสัญญาอะไรเข้าไปให้ตนเองเดือดร้อน
อย่ากระนั้นเลย อย่ากลัวคนต่างชาติ เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน ไม่มีอะไรต่างกัน ว่าแล้วก็ส่งกระดาษเปล่าให้สองนางและทำท่าประกอบให้เธอทั้งสองช่วยสื่อสารด้วยการเขียนจะเป็นบุญคุณแก่เด็กไทยตาดำ ๆ บ้องแบ๊ว เธอก็ใช้ความเป็นผู้ดีอังกฤษเข้าใจตัวเราและเขียนอธิบายมาอย่างดี ซึ่งพออ่านแล้วก็ต้องร้อง อพิโธ่ คุณเธอทั้งสองจะบอกถึงกฎการใช้ไฟและน้ำนั่นเอง แต่ดีนะ ที่ให้เธอเขียนบอก ไม่อย่างนั้น คงได้มานั่งทะเลาะกันตอนจ่ายค่าไฟ
ปล. เห็นมั๊ย ไม่มีอะไรเลย คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่นึกทึกทักไปเองอยู่เสมอ ทั้งที่ ความจริงแล้ว มันไม่น่ากลัวเอาซะเลย
เคดิต: [url]http://nisit-zone.com/app/content/view.php?id_content=61[/url]
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|