• สลากย้อม ปี2556 เมืองหล่ะปูน เริ่มแล้ว - ประมวลภาพ ขั้นตอนทำต้นสลากยักษ์ |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 17 ก.ย. 56 เวลา 08:46:54 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ประเพณีการตานสลากย้อม คือ การตานสลากภัตต์ในวันเพ็ญเดือนสิบ
การถวายสลากย้อมเป็นการถวายตานชนิดหนึ่งที่ต้องใช้เงิน ใช้เวลาใช้แรงกายแรงใจ ในการตกแต่งดา ต้นสลากย้อม ของตน เพราะในอดีตประเพณีนี้เป็นเรื่องของผู้หญิงสาวที่พร้อมจะออกครองเรือน จำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบปัจจัยเพื่อทำต้นสลากหลังจากฤดูการเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะในชุมชนริมปิง ชุมชนประตูป่า ชุมชนอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน โดยในอดีตเชื่อกันว่าเป็นหน้าที่ของหญิงสาวที่จะพึงตานโดยเฉพาะ ฉะนั้น เมื่อหญิงสาวคนใดอายุขัยอยู่ในวัยการเป็นสาว มีความสามารถพอที่จะออกเรือนทำงานได้ พ่อแม่ก็จะแนะนำให้ลูกทราบถึงหน้าที่ที่หญิงสาวพึงปฏิบัติเป็นเบื้องแรก
คือการเก็บหอมรอมริบเงินทองที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง เพื่อรักษาไว้ตานสลากย้อม โบราณกล่าวว่าหญิงใดยังไม่ได้ตานสลากย้อมหญิงนั้น ไม่สมควรจะแต่งงาน ถ้าหญิงใดตานสลากย้อมแล้วเขาถือว่าแต่งงานเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีได้ เพราะประเพณีทำให้เกิดผลดี คือเป็นการหัดให้เด็กรู้จักการเก็บหอมรอมริบ รู้จักมัธยัสถ์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการเก็บเงินเพื่อทำสลากย้อมประมาณ ๔ - ๕ ปี พอจะทำนิสัยมัธยัสถ์เกิดขึ้นได้ เมื่อหญิงสาวมีเงินพอที่จะตานสลากย้อมแล้ว เขาจะเริ่มซื้อของตระเตรียมไว้ทีละเล็กละน้อยตั้งแต่สร้อยคอทองคำ เข็มขัดเงิน และเครื่องเรือนครบทุกชิ้น นอกนั้นเป็นส้มสูกลูกไม้ โดยเฉพาะกล้วยใส่ทั้งเครือ มะพร้าวใส่ทั้งทะลาย และยังมีขนมนมเนยทุกอย่างใส่อีกด้วย ต้นสลากย้อมนิยมทำสูงประมาณ ๕ - ๖ วา ที่ตรงปลายสุดบนยอดของต้นสลากย้อมนี้ มักปักร่มกางกั้นไว้ ตามกลอนและเชิงชายของร่ม จะห้อยย้อยไปด้วยสร้อยคอ และเข็มขัดตลับเงินและเงินเหรียญประดับประดาอย่างสวยงาม
ลำต้นของสลากย้อมใช้ฟางมัดล้อมรอบเพื่อง่ายแก่การปักไม้สำหรับแขวนผลไม้และสิ่งของต่างๆ ตามแต่เจ้าภาพจะปรารถนา การแต่งดาใช้เวลาร่วมเดือน กระดาษสีที่นำมาประดับนับเป็นร้อยแผ่น ที่จะเรียกว่าย้อมสมบูรณ์นั้น จะต้องมีประวัติของเจ้าของสลากอ่านให้คนทั้งหลายฟังด้วย การเขียนประวัติเจ้าของสลากย้อมนี้ จะต้องไปจ้างผู้ที่มีความชำนาญในการแต่งกลอนพื้นเมือง เป็นผู้แต่ง เขาเรียกว่า”ครรโลง” ผู้แต่งจะบรรยายด้วยลีลากลอนอันไพเราะ เล่าถึงชีวประวัติของเจ้าของสลากย้อม นับตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ในบทกลอนคือ “ค่าว” หรือ “ครรโลง” นี้ ผู้แต่งจะสอดแทรกคติธรรม ตลกขบขัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังและเจ้าของสลากย้อม ตามจังหวะที่เหมาะสม
ตอนท้ายเป็นคำแผ่บุญและปรารถนาที่เจ้าของสลากย้อมได้ตั้งไว้ จบลงด้วยครรโลงธรรม ขณะแต่งดาสลากย้อมในเวลากลางคืน”ครรโลง”นี้จะช่วยกล่อมบรรยากาศในการแต่งดานั้น ครึกครื้นขึ้น โดยมีผู้มีเสียงอันไพเราะและอ่านเป็นจะมาช่วยกันอ่านให้ฟัง การอ่านต้องอ่านรวมกันตั้งแต่ ๒ - ๓ คนขึ้นไป ถ้าครรโลงใครแต่งดีจะมีคนมาอ่านไม่ขาด เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่เจ้าของสลากย้อมเป็นอันมาก ฉะนั้นเขาจึงเลือกจ้างคนที่มีฝีปากดีจริงๆ แม้ค่าจ้างนั้นจะแพงก็ยอม เมื่อแต่งดาเสร็จถึงวันทานสลากแล้ว เขาจะช่วยกันหามแห่จากบ้านไปสู่วัดที่งานทานสลากภัตต์ สลากย้อมจะใช้คนหามอย่างน้อย ๑๒ คน เพราะหนักมาก การถวายทานก็เหมือนกับการทานสลากภัตต์โดยทั่วไป เมื่อสลากย้อมตกแก่พระภิกษุหรือสามเณรรูปใดแล้ว ก่อนประเคนรับพร พระหรือสามเณรรูปนั้น ต้องหาคนมาอ่านครรโลงของเขาจบก่อน และเขาจึงจะประเคนรับพร เป็นเสร็จพิธี
ขอขอบคุณภาพและบทความจาก >> https://www.facebook.com/patiphanphangwana/media_set?set=a.580850121953261.1073741917.100000848356262&type=3
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2885 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 17 ก.ย. 56
เวลา 08:46:54
|