กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 1 ส.ค. ขณะที่ จ.ส.อ.วีระ วีระจินตนา อายุ 32 ปี หัวหน้าชุดคุ้มกันเส้นทางรถไฟ ร.1 ฉก.11 อ.รามัน จ.ยะลา พร้อมกำลังอีก 3 นาย ขี่รถ จยย. 2 คัน ออกลาดตระเวนตรวจสอบเส้นทางรถไฟสายบาลอ-รามัน ถึงบริเวณเชิงสะพานบ้านสุเป๊ะบือแน หมู่ 4 ต.บาลอ อ.รามัน ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนที่ดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทางถล่มยิงด้วยปืนอาก้า เอชเค 33 เอ็ม 16 และปืนลูกซองเกิดการยิงปะทะกันนานกว่า 10 นาที ปรากฏว่า จ.ส.อ.วีระ วีระจินตนา และพลฯมูฮำหมัด อาแบแวดอเลาะ อายุ 22 ปี ถูกยิงเสียชีวิตรวม 2 นาย ส่วนพลฯสะมะแอ เจ๊ะดอเล๊าะ อายุ 24 ปี และพลฯโสภิต นาควาริน อายุ 23 ปี ถูกยิงบาดเจ็บแต่แกล้งทำเป็นตาย กลุ่มคนร้ายได้กรูออกจากที่ซ่อนเข้ามาปลดอาวุธจากทหารทั้ง 4 นาย เป็นปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 กระบอกและปืน 11 มม. อีก 1 กระบอก ก่อนจะหลบหนีไป หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.รามันได้นำกำลังรุดมาช่วยเหลือ แต่ต้องเสียเวลาเคลียร์เส้นทางพอสมควร เนื่องจากคนร้ายโรยตะปูเรือใบและตัดต้นไม้ขวางทางไว้หลายจุด รวมทั้งวางกล่องต้องสงสัยคล้ายระเบิดถ่วงเวลาให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บล่าช้าไปเกือบ 2 ชม. ลำเลียงทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเก็บปลอกกระสุนปืนนานาชนิดได้เกือบ 50 ปลอก เวลาไล่เลี่ยกันได้มีคนร้ายโทรศัพท์ไปข่มขู่วางระเบิดไว้ในธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และที่ว่าการอำเภอรามัน จ.ยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดสถานที่ทั้ง 3 แห่งชั่วคราว เพื่อตรวจสอบรายละเอียดนานกว่า 1 ชม. แต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัยหรือระเบิดอย่างที่ถูกข่มขู่ไว้ นอกจากนี้ ยังมีคนร้ายนำกล่องวัตถุต้องสงสัยไปวางไว้ริมถนนสายโกตาบารู-รามัน และบริเวณทางเข้าวิทยาลัยการอาชีพรามัน ต.บาลอ รวม 2 จุด ทางเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบเบื้องต้นเป็นกล่องใส่ขนมปัง ด้านในใส่ก้อนหินเอาไว้และต่อสายไฟโผล่ออกมานอกกล่องรวม 2 เส้น ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 04.45 น. วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ ผกก.สภ.อ.เมืองยะลา รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ภายในสำนักงานของปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ริมถนนสิโรรส ย่านตลาดเก่า เพลิงลุกไหม้เสียหายเฉพาะตัวสำนักงาน เบื้องต้นพบหลักฐานบางอย่างที่น่าเชื่อว่าจะเป็นการลอบวางเพลิง อยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป ต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน สาขาบันนังสตา รวม 3 แห่ง ทางเจ้าหน้าที่ได้รุดไปตรวจสอบ แต่ไม่พบระเบิดตามที่ถูกข่มขู่ไว้ คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเท่านั้น เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 1 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ภ.จ.ยะลา ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 ค่ายพญาลิไทและเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 15 ยะลากว่า 300 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายบริเวณหมู่ 3 บ้านบาโด ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จำนวน 28 จุด ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง พบแต่อาวุธปืนลูกซองยาว แบบ 5 นัด รวม 2 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ส่วนกลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นวัยรุ่นชายและผู้ใหญ่กว่า 100 คน พากันหลบหนีเข้าป่าลึกไปได้หมด เหลือแต่ผู้หญิง คนชราและเด็กอยู่เฝ้าบ้านเท่านั้นจึงถอนกำลังกลับ สถานการณ์ที่รุนแรงยังมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ยอมยุติง่ายๆ โดยเมื่อเวลา 16.45 น. ขณะที่ พ.ต.อ. สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายพนิต ยอดพานิชย์ ปลัดอาวุโส ประสานกำลังทหาร ฉก.12 และฝ่ายปกครองนำกำลังกว่า 100 นาย พร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านกาโสดหมู่ 5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบกองกำลังติดอาวุธประมาณ 10 คนแอบเข้ามาหลบซ่อนในหมู่บ้านสงสัยจะเป็นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน โดยระหว่างที่ชุดเฉพาะกิจเข้าปิดล้อมพื้นที่ป่าติดเชิงเขาด้านหลังหมู่บ้าน พบกองกำลังติดอาวุธประมาณ 10 คนหลบซ่อนตัวอยู่ เกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดนานประมาณ 15 นาที เสียงปืนของฝ่ายคนร้ายจึงเงียบเสียงไป ทางเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่พบว่ากลุ่มคนร้ายถูกกระสุนปืนเสียชีวิตรวม 5 คน ทราบชื่อเพียง 2 คนคือนายอิสมาน บราเฮง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่ 5 บ้านกาโสด ตำบลเดียวกัน และนายสมาน ซอรอ อายุ 22 ปีอยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่เดียวกัน ยึดได้ของกลางปืนลูกซองยาวแบบ 5 นัด ปืนอาก้าและเอ็ม 16 รวม 5 กระบอก ส่วนกลุ่มคนร้ายที่เหลือหลบหนีขึ้นไปบนเขาทิ้งไว้แต่รอยเลือดจำนวนมาก คาดว่าน่าจะมีคนร้ายถูกยิงบาดเจ็บอีกหลายคน อยู่ระหว่างจัดชุดออกไล่ล่าตัวอย่างกระชั้นชิดแล้ว เวลาไล่เลี่ยกันได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ปืนอาก้าถล่มยิงนายหะรอง ปะแตบือแน อายุ 62 ปีเสียชีวิตคาบ้านเลขที่ 44 หมู่ 5 บ้านมูนง ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.ต.ประสม หลวงพูล สวป. สภ.อ.ยะหา นำกำลังรุดไปตรวจสอบคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์รายวัน ส่วนที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.ท.อาคม บัวทอง รอง ผกก.สภ.ต.โสร่ง อ.ยะรัง รับแจ้ง มีเหตุระเบิดและยิงถล่มเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณ ม.1 ต.กอลำ ห่างองค์การบริหารส่วนตำบลกอลำเพียง 50 เมตร จึงนำ กำลังรุดไปตรวจสอบ พบทหารจำนวน 6 นาย ยืนถือปืน คุมบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ตรวจสอบพบหลุมระเบิดกว้าง 50 ซม. มีเศษชิ้นส่วนระเบิดกระจายทั่วบริเวณ สอบสวนทราบว่า ขณะที่ทหาร ร้อย ร.15312 ชุดคุ้มครองครู ขี่รถ จยย. 3 คัน เดินทางออกจากฐานที่ตั้ง จะไปรับคณะครูส่งไปโรงเรียน ปรากฏว่า ขณะขี่มาถึงจุด เกิดเหตุ คนร้ายได้ลอบกดระเบิดหนักประมาณ 3 กก. แล้ว เปิดฉากยิงถล่มซ้ำ เกิดการยิงปะทะกันประมาณ 10 นาทีก่อนที่คนร้ายจะล่าถอยหลบหนีเข้าไปในป่า ส่วนทหารทั้งหมดปลอดภัย ขณะเดียวกัน ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบโปรย ตะปูเรือใบและวางวัตถุต้องสงสัยบนถนนหลายจุดในพื้นที่อ.ยะรัง อ.มายอ และ อ.หนองจิก เกือบ 20 จุด ทำให้ชุดเก็บกู้ระเบิดของตำรวจและทหารต้องกระจายกำลังไปตรวจสอบ ปรากฏว่า เป็นระเบิดปลอมทั้งหมด เวลาไล่เลี่ย กันกลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์ข่มขู่ว่าจะระเบิดที่ทำการไปรษณีย์ ที่ทำการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเสาไฟฟ้าในพื้นที่ อ. มายอ และ อ.หนองจิก เจ้าหน้าที่จึงสั่งอพยพพนักงานทั้งหมด ออกมาด้านนอกและส่งกำลังเข้าไปตรวจสอบ ก็ไม่พบวัตถุ ระเบิดแต่อย่างใด ถัดมาเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิด ขึ้นบนถนนสายบ้านโฉล่ง-บ้านโคกหญ้าคา ม.6 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ รอง ผกก.สส. นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบ ส.ท.กฤษฎา เชื่อมเมืองปาน อายุ 25 ปี ทหารชุดสันติสุข 106 ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว บาดเจ็บเล็กน้อย จึงนำส่ง รพ.ยะรัง ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดกว้าง 30 ซม. มีเศษชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่ว สอบสวนทราบว่า ขณะเจ้าหน้าที่ทหารชุดดังกล่าว รวม 6 นาย ออกลาดตระเวนในเส้นทางสายดังกล่าว ผ่านมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายได้กดรีโมตคอนโทรลแบบที่ใช้กับ รถยนต์จุดชนวนระเบิดที่วางดักไว้ข้างทาง ทำให้ทหารบาดเจ็บไป 1 นาย ด้าน พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี และ พ.ต.อ.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบก. ได้วิทยุสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่อยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 12 อำเภอ เพื่อความระมัดระวังและตรึงกำลังเตรียมพร้อมตามจุดล่อแหลมต่างๆ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายได้กระจายกำลังออก ก่อเหตุตามพื้นที่ต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่รอยต่อกับอีก 2 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ นราธิวาส และ ยะลา ทั้งนี้ คาดว่า เป็นแผนตอบโต้การกวาดล้างจับกุมของทางการในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่วนที่ จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 07.45 น. ขณะที่ พ.จ.อ.โสรัตน์ โพธิ์มีสี สังกัดร้อย ร.3012 ฉก.32 เป็น หน. ชุด รปภ.ครู พร้อมกำลัง 8 นาย ขี่รถ จยย. 4 คัน ออกจากฐานที่ตั้งจะไปรับคณะครู มาตามถนนสายบาเจาะ- บ้านทอน ถึงบริเวณหมู่ 5 บ้านดูกู ต.บาเจาะ คนร้ายได้ ลอบจุดชนวนระเบิดบรรจุในกล่องเหล็กน้ำหนัก 5 กก. ใส่ในถุงปุ๋ยวางเอาไว้บนต้นไม้ข้างทาง สะเก็ดระเบิดถูก พ.จ.อ.นิรันทร์กาล บุญเจริญ และพลฯนรินทร์ อ่ำสี ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้ง 2 นาย นำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ขณะเดียวกันได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กหนักประมาณ 2 กก. จุดชนวนระเบิดด้วยนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล ไปวางทิ้งไว้ในถังขยะหน้าร้านหมูกระทะ ริมถนนประชาภิรมย์ และหน้าตลาดบางนาค ถนนระแงะมรรคา เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 2 จุด แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายได้ขี่รถ จยย.ซึ่งซุกซ่อนระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 10 กก. ไว้ใต้เบาะนั่งนำไปจอดบริเวณทางเข้าตลาดสด ฝั่งตรงข้ามธนาคารกสิกรไทยสาขานราธิวาส ถนนภูผาภักดี แต่ระเบิดขัดข้องทำงานไม่สมบูรณ์ จึงไม่มีใครเสียชีวิตหรือบาดเจ็บเช่นกัน ถัดมาเวลา 08.50 น. ร.ต.ต.เฮรามาน เจ๊ะดี ร้อยเวร สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดที่ถนนเทศบาล 4 ซอย 2 หน้าตลาดสดเทศบาลตำบลตันหยงมัส มีผู้บาดเจ็บนับสิบราย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.โชติ ชวาลย์วิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล รอง ผวจ.นราธิวาส พ.ต.อ.มาโนช อนันต์ฤทธิ์กุล ผกก. พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ รอง ผกก. วิทยาการ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ.จ.นราธิวาส และชุดเก็บกู้ระเบิด “เหยี่ยวดง” รุดไปตรวจสอบ พบซากรถ จยย.ฮอนด้า สีแดง ทะเบียน กทน 429 ปัตตานี สภาพพังยับเยิน มีกองเลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ ผู้บาดเจ็บจำนวน 11 ราย ถูกนำส่ง รพ.ระแงะ และส่งต่อไปรักษาที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ แต่เสียชีวิตระหว่างทางนำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ 1 ราย คือ นางละเอียด เหล่าทรงฤทธิ์ อายุ 40 ปี เป็นภรรยาเจ้าของร้านขายยา เลขที่ 45 ถนนเทศบาล 2 เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส ใกล้จุดที่เกิดระเบิด มีบาดแผลตามตัวและ ใบหน้าหลายแห่ง ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 10 คน ทราบชื่อ 1. น.ส.สุนันท์ แซ่ลิ้ม อายุ 44 ปี เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวหน้าตลาด 2. นางพรเพ็ญ ทางรัตนสุวรรณ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 19 ถนนเทศบาล 3 เขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส 3. นาง มณฑนา นิติวัฒน์นาพงศ์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 7 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ 4. นางอรพรรณ จูนก อายุ 45 ปี 5. นางอัญชนา ยิ่งยืนยง 6. นางจรรยา เอนกธนานนท์ 7. นางศิริพร ทัศนาภิรมย์ 8. นางทัศนี ส่องช่วย 9. นางเสรี ศิริโชติ และ 10. นายมนตรี คงเขียว อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน สอบสวนทราบว่า ขณะที่ น.ส.สุนันท์กำลังขาย ก๋วยเตี๋ยว โดยมีนางละเอียดนั่งดื่มน้ำอยู่ที่โต๊ะหน้าร้าน ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ขี่รถ จยย.ที่ซุกซ่อนระเบิดวางไว้ในตะกร้าใส่ของหน้ารถมาจอดใกล้ๆ ก่อนจะเดินหนีหายๆไปไม่ถึง 5 นาทีก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้นางละเอียดเสียชีวิต และมีชาวบ้านบาดเจ็บอีก 10 คนดังกล่าว เบื้องต้นพบว่ารถ จยย.บอมบ์คันดังกล่าวถูกโจรกรรมมาจากเจ้าของเดิม ส่วนระเบิดมีน้ำหนักประมาณ 5 กก. จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรลแบบที่ใช้กับรถยนต์ อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์เพื่อใช้เป็นเบาะแสตามล่าตัวคนร้ายรายนี้ต่อไป ส่วนที่ อ.สุไหงโก-ลก คนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้ 2 จุด จุดแรกที่บริเวณป้อมยามทางเข้าออกของบริษัทอีซูซุ จำกัด สาขา อ.สุไหงโก-ลก ตั้งอยู่ริมถนนสายตากใบ-สุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านน้ำตก ต.ปาเสมัส น้ำหนัก 2 กก. จุดชนวนด้วยนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล เกิดการระเบิดขึ้นแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จุดที่สอง คนร้ายลอบวางระเบิดชนิดเดียวกันที่ริมรั้ว สำนักงานสรรพากร อ.สุไหงโก-ลก ริมถนนเอเชีย 18 เขตเทศบาลเมืองสุ ไหงโก-ลก แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 21.00 น. คืนวันที่ 31 ก.ค. ร.ต.ต.วรพงษ์ กล่อมสกุล ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ศพ ในบ้านเลขที่ 26 หมู่ 6 บ้านโต๊ะแนปา ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก. รุดไปตรวจสอบ พบศพนาย อับดุลรอดิง นะเด๊ะ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน และนายฮานาพี นะเด๊ะ อายุ 26 ปี บุตรชาย นอนตายจมกองเลือดคาสำรับกับข้าว โดยนายอับดุลรอนิงถูกยิงศีรษะด้านหลังกระสุนทะลุกกหูขวา 1 นัด และด้านหลังอีก 1 นัด ส่วนนายฮานาพี ถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด แขนขวา 1 นัด ใต้คางอีก 1 นัด เก็บปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และปืนลูกซองได้กว่า 15 ปลอก สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายและคนในบ้านอีก 2 คน กำลังล้อมวงกินข้าว ได้มีคนร้ายเป็นชาย 3 คนสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าพร้อมอาวุธครบมือ พังประตูบุกเข้ามาจี้บังคับจ่อยิงผู้ตายทีละคนจนเสียชีวิตคาที่ก่อนจะหลบหนีไป คาดเป็นการสร้างสถานการณ์รายวัน ส่วนที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ก็มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นไม่ต่างจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 1 ส.ค. พ.ต.ท.ประทีป ประทีปชัยกาญจนกิจ รอง ผกก.สส.สภ.อ.นาทวี รับแจ้งมีเหตุระเบิดที่ข้างป้อมตำรวจจราจร ตรงข้ามตลาดเก่าเทศบาลนาทวี ถนนแปลงประดิษฐ์ แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบร่างของ ด.ต.สวัสดิ์ พลพันธ์ อายุ 51 ปี และ ด.ต.พิทักษ์ มงคลศิริ อายุ 47 ปี ผบ.หมู่งาน ป. สภ.อ.นาทวี ถูกสะเก็ดระเบิดตามตัวและใบหน้า นอนเลือดท่วมตัวทั้งชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บอีก 9 รายจึงรีบนำตัวส่ง รพ.นาทวีทั้งหมด เบื้องต้นแพทย์ทำแผลแล้วให้กลับบ้านได้ ยกเว้น ด.ต.สวัสดิ์ พลพันธ์ นางจินตนา ชัยสวนแก้ว และ ด.ญ.พิสุทธินี หมั่นโถ วัย 3 ขวบ ซึ่งมีอาการโคม่าต้องส่งต่อไปรักษาตัว รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.) หาดใหญ่ จุดเกิดเหตุบริเวณข้างป้อมตำรวจ พบรถ จยย. ฮอนด้า ทะเบียน ดงท 37 สงขลา ล้มอยู่ริมถนนสภาพพังยับเยินเนื่องจากแรงระเบิด มีเศษชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดปลิวไปทั่วบริเวณ เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายลอบนำระเบิดแสวงเครื่องหนักประมาณ 3-5 กก. จุดระเบิดด้วยรีโมต คอนโทรลมาวางซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งของรถ จยย.ก่อนจะขับมาจอดทิ้งไว้ข้างป้อมจราจร รอจังหวะที่ตำรวจทั้ง 2 นายแวะเข้ามานั่งพักในป้อมจึงกดรีโมตจุดระเบิด ทำให้ ชาวบ้านพลอยถูกลูกหลงบาดเจ็บไปด้วย อยู่ระหว่างสอบสวนพยานเพื่อหาเบาะแสคนร้ายต่อไป เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาลร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า ครม.เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอมา โดยมีสาระสำคัญคือการให้ทุนการศึกษาและเงินยังชีพรายเดือนแก่เด็กที่ได้รับผลกระทบ โดยตรง ได้แก่ เด็กก่อนวัยเรียน นักเรียน นักศึกษาที่ประสบเหตุบาดเจ็บสาหัส ทุพพลภาพ และเด็กที่ผู้อุปการะเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส หรือทุพพลภาพ แบ่งเป็นเด็กเล็กก่อนวัยเรียน 5,000 บาทต่อคนต่อปี เด็กอนุบาล-ประถมศึกษา 6,000 บาทต่อคนต่อปี ระดับมัธยมศึกษา 10,000 บาทต่อคนต่อปี และระดับอุดมศึกษา 20,000 บาทต่อคนต่อปี ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะให้เงินฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ผู้บาดเจ็บสาหัส หรือทุพพลภาพ 2 แสนบาทต่อคน และจ่ายเงินยังชีพรายเดือนแก่เด็กก่อนวัยเรียน นักเรียน นักศึกษา ที่บิดา มารดา หรือผู้อุปการะเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส ทุพพลภาพ หรือเด็กก่อนวัยเรียนนักเรียน นักศึกษาที่ประสบเหตุจนเป็นผลให้บาดเจ็บสาหัสทุพพลภาพ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือตามศักยภาพของเด็ก ทั้งนี้ อายุไม่เกิน 25 ปี โดยระดับอนุบาล-ประถมศึกษาได้เดือนละ 1,000 บาทต่อคน ระดับเด็กเล็กก่อนวัยเรียนถึงระดับมัธยมศึกษา เดือนละ 1,500 บาทต่อคน และระดับอุดมศึกษา หรือ ปวส. เดือนละ 2,500 บาทต่อคน นอกจากนี้ กรณีการช่วยเหลือเด็กที่บิดา มารดาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ เพื่อให้เด็กที่กำพร้าบิดาและมารดา ประสบความเดือดร้อนมากกว่าเด็กที่กำพร้าเพียงบิดาหรือมารดาเนื่องจากต้องขาดผู้อุปการะดูแล จนอาจเป็นภาระแก่ญาติพี่น้องคนอื่นๆ จึงเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัว อุปถัมภ์ที่อุปการะเด็กที่บิดาและมารดาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่มีสมาชิกครอบครัวตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป โดยให้อุดหนุนในลักษณะเหมาจ่าย 5,000 บาทต่อเดือน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จ่ายเงินตอบแทนพิเศษแก่พนักงาน ลูกจ้าง กปภ.ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 3 อำเภอของ จ.สงขลา จากเดิมคนละ 1,000 บาทต่อเดือน เป็น 2,500 บาทต่อเดือน ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 49 เป็นต้นไป โดยถือว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินตอบแทนพิเศษตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ข่าวจาก ไทยรัฐ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|