• เตรียมชม "ฝนดาวตก" 12 สิงหาฯ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 06 ส.ค. 50 เวลา 10:39:24 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ จะมีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์บนท้องฟ้า คือ ฝนดาวตกเปอร์ซิอิด เริ่มตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 12 สิงหาคม ถึงเวลา 04.00 น. วันที่ 13 สิงหาคม สามารถชมได้ทั่วทุกภาค คาดว่ามีจำนวนสูงสุด 30 ดวงต่อชั่วโมง สำหรับวิธีการชมให้มองทางขอบฟ้าสูงประมาณ 45 องศาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นฝนดาวตกพุ่งมาจากทุกทิศทาง วิธีสะดวกที่สุดคือ นอนราบกับพื้น สำหรับฝนดาวตกเปอร์ซิอิด เกิดจากโลกโคจรปะทะเศษฝุ่นดาวหางสวิต-ทัตเติล มีความเร็วประมาณ 53 กิโลเมตร/วินาที ส่วนใหญ่จะพบเป็นลูกไฟขนาดใหญ่สีเหลือง แต่มีอุปสรรคไม่สามารถชมปรากฏการณ์ได้มาตลอดช่วง 10 ปี คือ สภาพท้องฟ้าปิดในฤดูฝน โดยชุดฝนดาวตกเปอร์ซิอิดสวยงามเป็นรองมาจากฝนดาวตกลีโอนิดส์ ที่เป็นราชาแห่งฝนดาวตก น่าเสียดาย! "เมฆฝน-แสงจันทร์" อุปสรรคชม "ฝนดาวตกวันแม่" เดือนสิงหาคมของทุกๆ ปีเป็นช่วงเวลานัดหมายอันสำคัญของฝนดาวตก "เปอร์เซอิด" แต่ปีนี้คนไทยอาจจะไม่โชคดีนัก เนื่องจากปรากฏการณ์มาเกิดในฤดูกาลของเมฆฝน ซ้ำโอกาสน้อยเข้าไปอีกเมื่อมีความสว่างของจันทร์เพ็ญมาบดบังแสงอันน้อยนิดของดาวตก ฝนดาวตกเปอร์เซอิด (Perseid) เกิดจากการที่โลกของเราเคลื่อนที่ผ่านวงโคจรของดาวหางสวิฟต์ ทัตเทิล (Swift-Tuttle) ซึ่งมีคาบโคจรรอบดวงอาทิตย์ 130 ปี และทิ้งเศษชิ้นส่วนขนาดประมาณเม็ดถั่ว-เม็ดทรายไว้ในวงโคจร เมื่อโลกโคจรผ่านบริเวณดังกล่าวจะทำให้เศษดาวหางเสียดสีในชั้นบรรยากาศ แล้วลุกไหม้เป็นดวงไฟสว่างไสวชั่วครู่ก่อนจะมอดดับไป และเมื่อ พ.ศ.2547 ที่ผ่านมาเป็นปีที่มีการประมาณว่าปริมาณฝนดาวตกเปอร์เซอิดมากที่สุด เนื่องจากโลกได้โคจรผ่านจุดที่มีเศษดาวหางหนาแน่นที่สุด คือเข้าใกล้ศูนย์กลางวงโคจรดาวหางที่มาเยือนใน พ.ศ.2405 อย่างไรก็ดีสำหรับเมืองไทยแล้วจะเห็นฝนดาวตกนี้ได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากอยู่ในฤดูกาลที่เต็มไปด้วยเมฆและฝน ซึ่ง นายวรเชษฐ์ บุญปลอด กรรมการสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า จำนวนฝนดาวตกในปีนี้จะไม่มากเหมือนที่เคยเห็นกัน โดยปริมาณสูงสุดของปีนี้คือนาทีละดวง อีกทั้งโอกาสที่จะเห็นยังขึ้นอยู่กับว่าท้องฟ้ามีเมฆมากหรือไม่ และจะมีฝนตกด้วยหรือไม่ ซึ่งโดยปกติในเมืองไทยจะเห็นได้ลำบากเพราะเป็นช่วงฤดูฝน และปีนี้ยังมีอุปสรรคในเรื่องของแสงจันทร์รบกวน "จะดูฝนดาวตก ดูที่ไหนไม่เจาะจง แต่ในเมืองโอกาสเห็นน้อย เพราะมีแสงไฟรบกวน ถ้าดูที่ห่างจากตัวเมืองจะเห็นได้ดี ช่วงที่เห็นมากที่สุดคือวันที่ 11-12 ส.ค. แต่ปีนี้อาจจะมีแสงจันทร์รบกวน เพราะเกิดหลังจากวันเพ็ญไม่กี่วัน และในวันที่ 11 ส.ค. ดวงจันทร์จะขึ้นตอน 2 ทุ่มครึ่ง แต่ฝนดาวตกจะเริ่มเห็นตอนเที่ยงคืน ซึ่งดวงจันทร์ก็อยู่บนฟ้าแล้ว ก็ต้องรอจนดวงจันทร์ตก แต่โอกาสเห็นน้อยเพราะดวงจันทร์ก็จะอยู่ทั้งคืน” นายวรเชษฐ์กล่าวว่าเกือบทั่วโลกสามารถเห็นฝนดาวตกเปอร์เซอิดได้ ยกเว้นบริเวณซีกโลกใต้ เพราะตำแหน่งของฝนดาวตกเหมาะกับคนที่อยู่ซีกโลกเหนือมากกว่า ดังนั้นโอกาสเห็นของคนในประเทศออสเตรเลียจึงไม่น่าจะมี พร้อมกันนี้ได้แนะการดูดาวตกว่าอย่ามองใกล้ๆ ขอบฟ้า เพราะโอกาสเห็นน้อย เนื่องจากบรรยากาศตรงขอบฟ้าหนาแน่น ถ้านอนดูจะมีโอกาสเห็นมากกว่า สำหรับฝนดาวตกซึ่งมีช่วงเวลานัดหมายทุกเดือนสิงหาคมนี้ เป็นที่รู้จักของชาวตะวันตกในอีกชื่อว่า “น้ำตาของนักบุญลอเรนซ์”
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3623 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 06 ส.ค. 50
เวลา 10:39:24
|