• หนูน้อยนิทราสิ้นลมแล้ว |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 21 ส.ค. 50 เวลา 09:57:08 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
แม่ ‘น้องเก้า’ทำใจได้หมอลงมือผ่าตัดไตมอบให้ ‘สภากาชาด’
สุดเศร้าใจในชะตาชีวิตของเด็กน้อย “น้องเก้า” หนูน้อยนิทราได้สิ้นลมแล้วคณะแพทย์โรงพยาบาลภูมิพลลงมือผ่าตัดไต มอบให้ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากทางพ่อแม่น้ำใจงาม ตัดสินใจยินยอมบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปไว้ช่วยเหลือเด็กคนอื่น "รองผอ.รพ.กรุงเก่า" ยืนยันวินิจฉัยอาการ "สมองตาย" ทำตามขั้นตอนของแพทยสภากำหนดเอาไว้ ด้านครอบครัวสุดเศร้ารับศพไปทำพิธีทางศาสนา มารดาระบุลูกชายได้ทำบุญกุศลครั้งยิ่งใหญ่ ยังเชื่อมั่นในอนาคตจะได้กลับมาเกิดเป็นลูกอีก
|
| |
| | ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ตไม่เกี่ยวกับเนื้อข่าว |
|
|
| จากเหตุการณ์เศร้าสลด กรณีเรื่องราวของ "น้องเก้า" หรือด.ช.ภัทรพันธ์ โสพันธ์
ทารกแรกเกิดวัยเพียง 25 วัน ดื่มนมแล้วเกิดอาการสำลักส่งผลทำให้กลายเป็น "หนูน้อยนิทรา" อย่างน่าสงสารมาตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะแพทย์พบว่าเด็กไม่มีการตอบสนองต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลากระทั่งพบว่าสมองตายแล้ว นางประไพพิศ โสพันธ์ อาชีพพยาบาล และนายถาวร โสพันธ์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มารดาและบิดาของเด็กได้ปรึกษากันพร้อมตัดสินใจทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ยินยอมบริจาคร่างของลูกชายให้สภากาชาดไทยเพื่อผ่าตัดนำอวัยวะไปช่วยเหลือผู้อื่น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
|
|
| | ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ตไม่เกี่ยวกับเนื้อข่าว |
|
|
| ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ส.ค
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อ สอบถามไปยัง พญ.สุรางค์ เมฆดี รองผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.พระนครศรีอยุธยา ถึงกรณีที่ทางแพทยสภาระบุเรื่องการวินิจฉัย "สมองตาย" นั้นต้องทำโดยองค์คณะของแพทย์ไม่น้อยกว่า 3 คน ประกอบด้วย แพทย์เจ้าของไข้ และอีก 1 ใน 2 คนที่เหลือควรเป็นแพทย์สาขาประสาท วิทยา หรือถ้ามีแพทย์สาขาประสาทศัลยศาสตร์ก็ดี ทั้งนี้องค์คณะของแพทย์ผู้วินิจฉัยสมองตายนั้นต้องไม่ประกอบด้วยแพทย์ผู้กระทำการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ โดยจะต้องมีผอ.โรงพยาบาล หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจะต้องร่วมเป็นผู้รับรองการวินิจฉัยสมองตายและเป็นผู้ลงนามรับรองการตายนั้น พญ.สุรางค์ เปิดเผยยืนยันว่า การวินิจฉัยสมองตายของน้องเก้าทำตามขั้นตอนอย่างเข้มงวดไม่ว่าการรับรองทางเอกสาร
การยินยอมของพ่อแม่ และการวินิจฉัยโดยแพทย์ตามที่แพทยสภากำหนด โดยการวินิจฉัยได้ดูว่าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ซึ่งสาเหตุไม่ได้เกิดจากพิษยา ยาเสพติด ยากล่อมประสาทและยานอนหลับ พบว่าภาวะร่างกายมีอุณหภูมิต่ำ มีความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ และเกิดภาวะช็อกต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและไม่ได้เกิดจากการใช้ยาคลาย กล้ามเนื้อมีการวินิจฉัยสาเหตุของการไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจอย่างชัดเจนจนไม่สามารถเยียวยาให้กลับคืนมาได้
|
|
| | ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ตไม่เกี่ยวกับเนื้อข่าว |
|
|
| การตรวจยืนยันสมองตาย คือไม่มีการเคลื่อนไหวเองได้
เช่น ไม่ขยับแขนขา ไม่มีการทำงานของประสาทอัตโนมัติของม่านตา กระจกตา การตอบสนองของประสาทส่วนกลางของสมองไม่มีการเคลื่อนไหวกลอกตาของลูกตา ไม่มีการไอจามและการตอบสนองอื่น ๆ จากการกระตุ้นด้วยอุณหภูมิไม่สามารถหายใจได้เองภายหลังทดสอบด้วยการหยุดเครื่องช่วยหายใจนาน 10 นาที ส่วนการผ่าตัดไตนั้นทำโดยคณะแพทย์จากรพ.ภูมิพล เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งมอบให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย" ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนศพของ "น้องเก้า"
ทางพ่อแม่ได้มาติดต่อรับศพจากที่ รพ.พระนครศรีอยุธยาตั้งแต่ช่วงเช้านำศพทารกน้อยไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดพระแก้ว อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนางประไพพิศ ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก นางประไพพิศ กล่าวทิ้งท้ายสั้น ๆ เพียงว่า ลูกชายได้ทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ตนก็เชื่อมั่นด้วยว่าหากตั้งครรภ์อีกครั้งลูกชายอาจจะกลับมาเกิดใหม่อีก.
|
|
| ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ข่าวจาก ที่นี่ดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1281 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 21 ส.ค. 50
เวลา 09:57:08
|