ปัจจุบัน คาเฟ่กาแฟเล็กๆ เปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ถือเป็นหนึ่งในฝันของมนุษย์เงินเดือนที่อยากปลดแอกตัวเองเพื่อไปทำธุรกิจนี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เพราะยังมีปัจจัยอื่นอีกมากที่หลายคนยังนึกไม่ถึง
คำยืนยันจากผู้ที่คลุกคลีในแวดวงการเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองมานานมากกว่า 30 ปี เพื่อส่งต่อไปถึงมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเก็บ และกำลังจะลาออกจากงานประจำมาเปิดร้านขายกาแฟว่า ธุรกิจนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
หลายปีที่ผ่านมา คุณปุญชรัศมิ์ เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจร้านกาแฟแบบแฟรนส์ไชน์ แบรนด์ UCC ของประเทศญี่ปุ่น ต่อมาจึงสร้างแบรนด์ของตัวเองในหลายแบรนด์ทั้ง The coffee maker , D-Caffeine รวมถึง MCC Modern Coffee เคยมีร้านกาแฟมากถึง 30 สาขา แต่ปัจจุบัน เหลือ 10 กว่าสาขา เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่เจ้าของแบรนด์อย่างเธอ ไม่สามารถควบคุมได้
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ทำเลที่ตั้งร้านกาแฟ และที่จอดรถ ลูกค้าสามารถแวะซื้อกาแฟได้สะดวก
หลายคนนึกถึงห้างสรรพสินค้า ที่ตอบโจทย์ทำเลที่ว่านั้นได้ แต่คุณปุญชรัศมิ์ ระบุว่า ร้านกาแฟในห้าง ต้องขายให้ได้อย่างน้อย 200-300 แก้วต่อวัน เพื่อให้เพียงพอต่อค่าเช่าที่ และค่าพนักงาน ที่ถือเป็นรายจ่ายหลักของธุรกิจนี้
แต่หากคุณจะเปิดร้านกาแฟแบบ สแตนอะโลน เช่าชั้นล่างของอาคารพาณิชย์ เพื่อทำร้านกาแฟ แบบนั่งนานๆ นั่นเหมาะกับคนที่มีสภาพคล่องเพียงพอมากกว่า
นายกสมาคมแฟรนส์ไชส์ บอกว่า ร้านกาแฟ เป็นหนึ่งในสินค้าแฟรนไชส์ กลุ่มบริการที่ได้รับความนิยม เพราะการเปิดแบรนด์ใหม่นั้น ง่ายแค่ลงทุนและหาทำเล แต่การทำให้ยั่งยืนนั้นยาก
สถาบันอาหาร ได้รวบรวมข้อมูล มูลค่าตลาดกาแฟในไทย ในปี 2554 ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุด พบว่า มีมูลค่าที่ 36,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้รวมตลาดกาแฟสำเร็จรูป , กาแฟกระป๋อง และกาแฟร้านสะดวกซื้อ ส่วนมูลค่าเมล็ดกาแฟคั่วบด อยู่ที่ 2,300 ล้านบาท และมีโอกาสถึง 5,000 ล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งมูลค่าตลาดที่มีจำนวนสูงขนาดนี้ ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า ธุรกิจนี้จะเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน
6 ตุลาคม 2557 เวลา 16:25 น.