กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ชาติทุกชาติย่อมมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่แตกต่างกัน หากย้อนไปถึงยุคดึกดำบรรพ์สมัยสักหมื่นห้าพันปีที่มนุษย์เริ่มมีหน้ามีตาเหมือนคนในยุคปัจจุบันแล้ว โลกเรายังไม่มีการแบ่งชาติแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากันอย่างชัดเจน ต่อเมื่อสมัยยุค 7,000 ปีที่ผ่านมา มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กำเนิดเกิดกลุ่มของมนุษย์ ที่เรียกว่ากลุ่มอารยธรรมกลุ่มแรกของโลก บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรติส ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศอิรัก ตรงแถว ๆ แบกแดดนั่นเอง และ ณ จุดนี้ของประวัติศาสตร์โลก จึงเริ่มถือกำเนิดประวัติศาสตร์ความเป็นไปของชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวมถึงประวัติชาติไทยด้วย
น่าเสียดายที่เราไม่มีการศึกษาค้นหาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติไทยในดินแดนขวานทองของเราอย่างจริงจัง ประวัติศาสตร์ไทยจึงสั้นนับสืบไปได้เพียง 700 ปีเท่านั้น หากแต่มีข้อมูลหลักฐานมากมายถึงดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ว่าเคยมีอารยธรรม ที่เคยอยู่อาศัยและเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นยุคทวารวดี ซึ่งเก่าแก่กว่า 1,300 ปีมาแล้วที่เชื่อว่ามีศูนย์กลางอยู่แถว ๆ นครปฐมและสุพรรณบุรี หรือแม้กระทั่งบ้านเชียงที่มีหลักฐานว่าเป็นอารยธรรมโบราณที่มีอายุมากกว่า 5,000 ปี ซึ่งพบที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้ยังมีการค้นพบและศึกษาประวัติศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ส่วนใหญ่ชาวชาติตะวันตกมักจะเป็นผู้ค้นพบและศึกษา และส่วนมากเน้นหนักไปที่อารยธรรมขอมและอินเดียโบราณ ที่แผ่วัฒนธรรมมาทั่วเอเชียอาคเนย์ จึงทำให้การศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาในดินแดนไทยไม่ต่อเนื่อง เราจึงรู้จักประวัติชาติไทยครั้งแรกโดยเริ่มจากประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยสุโขทัย ซึ่งเริ่มนับเมื่อ 700 ปีที่ผ่านมานี้เอง
ประวัติศาสตร์ชาติไทย หมายถึงการถือกำเนิดก่อเกิดความเป็นชาติของไทยตั้งแต่อดีตซึ่งมีหลายทฤษฎี แต่ทฤษฎีที่มีหลักฐานน่าเชื่อถือที่สุดคือเดิมทีคนเชื้อชาติไทยอาศัยอยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศจีนก่อนถือกำเนิดเป็นประเทศจีนเสียอีก แต่มีหลักฐานว่าในปี พ.ศ.888 คนไทยอพยพลงมาจากเทือกเขาอัลไตสมัยอาณาจักรน่านเจ้าเข้ามาอยู่ในแหลมอินโดจีน ดินแดนไทยเป็นของขอมปกครองโดยอุปราชขอม แต่เมื่อสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 ซึ่งอ่อนแอ บรรดาเจ้าเมืองไทยจึงได้โอกาสแข็งอำนาจต่อขอม ตีเอาเมืองต่าง ๆ ของขอมได้ รวมประเทศแล้วตั้งเป็นประเทศอิสระ และมีเมืองสุโขทัยเป็นราชธานี (พ.ศ. 1781) มีพ่อขุนบางกลางท่าวหรือต่อมาคือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นปฐมกษัตริย์
อาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองอยู่ได้เพียง 200 ปีก็ถูกผนวกรวมเข้ากับอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา มีพระเจ้าอู่ทองเป็นกษัตริย์องค์แรก (พ.ศ. 1893) เนื่องจากความสามารถในการเจรจากับคนไทยกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย และการแทรกแซงอย่างต่อเนื่องทางการทูต จึงทำให้อยุธยารวมชาติไทยให้ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งอย่างมาก มีความมั่งคั่งสมบูรณ์และเป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะดินแดนครอบครองไล่ยาวลงไปถึงช่องแคบมะละกา จนเมื่ออีกหนึ่งร้อยปีต่อมาก็ถูกราชวงศ์ตองอูที่เข้มแข็งและมีอำนาจมากแผ่ขยายอิทธิพลจนมีอำนาจเหนือดินแดนอยุธยา แต่อีก 15 ปีต่อมาพระเจ้านเรศวรมหาราชก็กอบกู้ราชธานีกลับมาได้สำเร็จ
ดินแดนอาณาจักรอยุธยานั้นกว้างใหญ่มาก ช่วงปลายสมัยหัวเมืองแข็งข้อและเกิดความแตกสามัคคี พม่าจึงเข้ายึดครองได้อย่างง่ายดาย ในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินมหาราชรวบรวมไทยจากกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยจนเข้มแข็ง และตีเอาอยุธยาคืนได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือนเท่านั้น แต่ด้วยความที่ราชธานีอยุธยาเดิมเสียหายไปแล้วทั้งหมดด้วยการเผาทำลาย พระเจ้าตากสินจึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์และตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี
ภายหลังสิ้นรัชสมัยพระเจ้าตากสินในปี พ.ศ.2315 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ อันเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ตั้งกรุงเทพมหานครเป็นราชธานีเป็นการเริ่มต้นยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แผ่นดินสยาม ณ บัดนั้นสงบสุขและเฟื่องฟูทั้งศาสนา การค้า ศิลปะแขนงต่าง ๆ รวมถึงวิทยาศาสตร์ด้วย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่างชาติตะวันตกเข้ารุกล้ำหนักโดยอ้างสนธิสัญญาเพื่อทำการค้า ซึ่งเดิมทีชาติตะวันตกมีสิทธิไม่มากไปกว่าชาวจีนที่ทำการค้าในประเทศไทย ด้วยกำลังที่เข้มแข็งทางทหารของชาติตะวันตก ประกอบกับสถานการณ์รอบประเทศสยามขณะนั้น ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องสละดินแดนหลายส่วนให้กับอังกฤษและฝรั่งเศสเพื่อรักษาดินแดนสยามส่วนใหญ่เอาไว้ และแผนที่ที่คนไทยเราเห็นและคุ้นเคยในปัจจุบันก็เริ่มตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา
ความภูมิใจในความเป็นชาติไทยไม่ได้เกี่ยวกับความสั้นยาวของประวัติศาสตร์ ทุกครั้งที่เราร้อง[b]เพลงชาติไทย[/b] เราคนไทยทุกคนควรระลึกถึงประวัติศาสตร์และรากเหง้าที่ว่า กว่าจะถือกำเนิดเป็นประเทศไทยและดำรงอยู่เป็นไทในดินแดนแห่งนี้ มีความเป็นมาผ่านมากี่ยุค กี่สมัย และบรรพบุรุษไทยได้ประสบพบอะไรมาบ้าง จึงสามารถดำรงให้ไทยเป็นไทได้จนถึงปัจจุบัน การไม่มีแผ่นดินอยู่เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนอาจไม่เข้าใจ เหมือนไม่รู้ว่าอากาศนั้นสำคัญ แต่ถ้าเรามองเพื่อนร่วมโลกหลาย ๆ ชาติหลาย ๆ ชนเผ่า เช่นชาวซีเรีย มองโกเลีย หรือแม้แต่ชนเผ่าโรฮิงญา ก็จะรู้ได้ว่าการไม่มีชาติไม่มีแผ่นดินจะอยู่นั้นลำบากแสนสาหัสเพียงใด การศึกษาประวัติศาสตร์ประเทศไทยอย่างถ่องแท้ ย่อมทำให้เราเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของความเป็นชาติ เกิดความรักและหวงแหนในชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสถาบันสูงสุดที่คนไทยทุกคนต้องยึดมั่นไว้ในใจ นั่นคือชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และเมื่อคนไทยทุกคนมีความรักและถือมั่นในชาติร่วมกันแล้ว ก็จะมีความหวงแหนในชาติเหมือนกัน ก่อกำเนิดเป็นความสามัคคีที่อะไรก็ไม่สามารถจะทำลายความเป็นไทยไปได้ ชาติไทยก็จะอยู่ยั้งยืนยงชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|