“30 ตุลาคม 2560” รัฐบาลกำหนดให้วันนี้เป็น “วันออกทุกข์” หลังจากเสร็จสิ้นผ่านพ้นงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แต่ประเด็นดังกล่าวยังคงมีคำถามมากมายอยู่ในใจของใครหลายๆคน ว่าจะต้องแต่งกายหรือปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสม โดยหากเรามองย้อนกลับไปในห้วงระยะ 1 ปีที่ผ่านมา หลังทราบข่าวการสวรรคตว่า ในหลวงในดวงใจ เสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 15.52 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ คนไทยทั้งประเทศต่างพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ตลอดมา เป็นการร่วมกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความอาลัยยิ่ง 

“ตั้งแต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต ก็ร้องไห้มาตลอด ดูทีวีก็ร้องไห้”

“ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ และจะไว้ทุกข์เป็นการส่วนตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้”

“รู้สึกใจหายมาก เกิดมาก็เห็นพระองค์มาตลอด เวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้ความโศกเศร้าครั้งนี้ทุเลาลงไป”

มีคำแนะนำหลังออกทุกข์ในช่วงแรกว่า “สำหรับใครที่ยังคงต้องการแสดงความอาลัยในช่วงแรกอาจสวมเสื้อผ้าสีโทนสุภาพ แต่ไม่ต้องกลัดโบสีดำไว้ทุกข์ หรือเครื่องหมายไว้ทุกข์ สำหรับกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ สามารถทำได้ตามความเหมาะสม” แต่นั้นก็อาจจะทำให้หลายๆคนยังไม่กล้าที่จะเลือกหยิบเสื้อผ้าที่มีสีสันมาใส่ในช่วงระยะเวลานี้สักเท่าไหร่ และแน่นอนว่าหากใครใส่เสื้อมีสีสันมากเกินไปในห้วงระยะเวลานี้ คงเป็นที่ถูกจับจ้องมองของคนในสังคมว่า “ไหนว่ารักในหลวง หายเสียใจแล้วเหรอ ถึงใส่เสื้อผ้ามีสีสันแล้ว” หากแต่เราพิจารณาถึงหลักความเชื่อที่ว่า "สมมติเทพ" กลับ "สวรรค์แล้ว” นั้นมีนัยที่หมายถึงความน่ายินดี 

"สมมติเทพ" หมายถึง พระมหากษัตริย์ที่เชื่อว่าทรงเป็นเทพลงมาจุติเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อประกอบคุณความดีและสะสมบารมี เมื่อเสด็จสวรรคตก็กลับขึ้นสรวงสวรรค์ ในการจัดพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ นอกจากมีการก่อสร้างพระเมรุมาศที่ยิ่งใหญ่งดงามสมพระเกียรติแล้ว จะเห็นได้ว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของงานนั่นคือ “การแสดงมหรศพสมโภช” ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่สืบปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และการแสดงมหรศพสมโภชนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเทิดพระเกียรติและการออกทุกข์ในเวลาเดียวกัน 

ประเทศไทยเราได้รับอิทธิพลทางพระพุทธศาสนาที่สอนให้รู้จักความพอดี คือ “จะต้องไม่เสียใจมากและไม่ดีใจมากจนเกินไป ทุกอย่างต้องอยู่ในความพอดี” การแต่งกายวันนี้ไม่ว่าจะเลือกใส่เสื้อผ้าด้วยสีอะไร นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เพราะเชื่อมั่นอย่างแน่แท้ว่าคนไทยรู้จักถึงความพอดีและพอควร วันนี้ได้เวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวต่อไปด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง ด้วยหัวใจแห่งความจงรักภักดี ด้วยวิธีที่ดีที่สุด นั่นคือ “การสานต่อสิ่งที่พ่อเคยทำ”

Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
		VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV