| • โต้'สมัคร' สุรยุทธ์ยัน รธน.ไม่เฮงซวย |
|
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 10 พ.ย. 50 เวลา 09:56:40 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สืบเนื่องจากกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ระหว่างฝ่ายที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหาร กับพรรคพลังประชาชนที่ต่อต้าน คมช. พร้อมวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญปี 2550 ว่าเฮงซวยนั้น
“สุรยุทธ์” ชี้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 พ.ย. ที่สโมสรกองทัพบก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นรัฐธรรมนูญที่เฮงซวยว่า คงไม่วิจารณ์ผู้พูด แต่ว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เปิดโอกาสให้แก้ไขอยู่แล้วและก็แก้ไขง่าย ก็เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้ทุกส่วนได้เข้ามามีโอกาสจะดำเนินการ ถ้าเห็นว่าไม่ดีไม่เหมาะเราก็มีการแก้ไขได้ ส่วนในเรื่องการเลือกตั้งนั้นว่าการมีส่วนร่วมของประชาชน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากว่าพี่น้องประชาชนจะออกไปใช้สิทธิ์ให้มากเต็มที่ ถือว่าเป็นส่วนที่จะได้ช่วยกันทำให้ชาติบ้านเมืองของเรา มีโอกาสที่จะมีรัฐบาลเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนเป็นผู้ตัดสินจริงๆ ต่อข้อถามว่า ขณะนี้ยังมีรัฐมนตรีในรัฐบาลลาออก เพื่อที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ถึงเวลานี้ยังไม่มีรัฐมนตรีคนใดลาออก เพื่อจะไปสมัครรับเลือกตั้งเพิ่มเติม นอกเหนือจาก นพ. วัลลภ ไทยเหนือ อดีต รมช.สาธารณสุข
“สนธิ” ชี้คนรู้ทันความคิด “สมัคร”
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกับการเลือกตั้ง (ครส.) ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมาจุดประเด็นเรื่องการปฏิวัติ เพื่อให้ประชาชนเลือกข้างในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่า เชื่อว่าประชาชนเข้าใจดีอยู่แล้ว ครส.คงไม่ต้องไปอธิบายอะไร เพราะประชาชนได้เห็นปัญหาดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็มีวิวัฒนาการที่จะนำประชาธิปไตยกลับเข้ามา เมื่อถามย้ำว่า การที่ พปช.โยนประเด็นว่าหากชนะเลือกตั้งแสดงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่ผิด จะทำให้เกิดปัญหาตามมาหรือไม่ พล.อ.สนธิกล่าวว่า กฎหมายจะบอกเองว่าผิดหรือถูก ไม่ใช่ คำพูดของใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม
ท้า “ทักษิณ” กลับไทยเชื่อไม่วุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง และมีท่าทีที่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศจะทำอย่างไร พล.อ.สนธิตอบว่า กลับมาก็ดี จะได้ว่ากันตามกฎหมาย ตอนนี้กระบวนการตามกฎหมายก็คอยอยู่ อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าหากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ก็จะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอีกครั้ง เราต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงให้รู้ ถึงแก่นของมัน การจะเลือกใครประชาชนจะเลือกที่ตัวบุคคล ไม่ใช่เลือกที่ท่านใดท่านหนึ่งที่เป็นแกนนำ แต่ประชาชนจะเลือกคนที่อยู่ใกล้เขา จะเห็นได้ว่าคนในภาคเหนือและภาคอีสาน จะเลือกคนที่อยู่ใกล้เขา เช่นนาย ก เคยอยู่พรรค ก แล้วย้ายไปอยู่พรรค ข เขาก็ยังเลือกนาย ก เพราะนาย ก เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ไม่ใช่เลือกเพราะไปอยู่พรรค ก หรือ ข เมื่อถามว่า ถ้ากลุ่มอำนาจเก่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จะเกิดความวุ่นวายหรือมีการรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ก็ต้องดูกันอีกที วันข้างหน้าเป็นเรื่องของอนาคต และตอนนี้ก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรแล้ว
อุบไต๋เรื่องรับเชิญร่วมรัฐบาลหน้า
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนในการตัดสินใจอนาคตทางการเมือง พล.อ.สนธิตอบว่า ยังมีเวลาจนถึงวันที่ 13 พ.ย. เมื่อถามย้ำว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะลงสมัครในระบบเขต พล.อ.สนธิกล่าวว่า “เขตอะไรป่านนี้ โอ๊ย! มันหมดเวลาแล้ว เอาไว้วันที่ 13 พ.ย. ผมจะตัดสิน และที่เลือกวันที่ 13 พ.ย. ก็เพราะเลยวันไปแล้ว” เมื่อถามว่าแล้วจะเป็นแขกรับเชิญในรัฐบาลหน้าหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า อันนี้ไม่รู้ เมื่อถามย้ำว่าจะยังคงทำงานกับรัฐบาลนี้จนครบวาระหรือไม่ พล.อ.สนธิหัวเราะพร้อมตอบว่า รัฐบาลนี้ครบวาระ ผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วตัวท่านจะอยู่ครบวาระหรือไม่ พล.อ.สนธิยิ้มปฏิเสธที่จะตอบคำถามก่อนขึ้นรถกลับออกไปทันที
นปก.ลงสมัคร ส.ส.ไม่น่ารุนแรงอะไร
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) เข้ามาลงสมัคร ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชนว่า ไม่น่าจะทำให้สถานการณ์รุนแรง เพราะการทำงานทางการเมืองต้องประกอบด้วยคนทุกกลุ่มทุกอาชีพ หากบังคับอยู่เพียงกลุ่มเดียวจะไม่หลากหลาย การบริหารประเทศในอนาคตไม่ได้ครอบคลุมในเนื้อหา เพราะการบริหารประเทศต้องหลากหลาย ส่วนจะได้รับเลือกหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนจะมองว่าบุคคลไหนมีความเหมาะสม และความดีพอที่จะเป็น ส.ส. เมื่อถามว่าที่ผ่านมาอดีตแกนนำ นปก.ยั่วยุให้ สังคมเกิดความแตกแยก พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า เรื่องนี้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เพราะเราคงจะไปตัดสินไม่ได้ ประชาชนพึงพอใจหรือเลือกกลุ่มใดเป็นสิทธิ์ของประชาชนตัดสินใจ เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนพยายามโจมตี คมช.เรื่องการปฏิวัติมาตลอด พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า เรื่องนี้มีทั้งผลดีและไม่ดี บวกและลบ คิดว่าเป็นภาระของประชาชนที่จะเลือก ทุกคนต้องเลือกกลุ่มคนหรือบุคคลที่ดีที่สุดมาบริหารประเทศ
ไม่กังวลหากระบอบทักษิณจะกลับมา
เมื่อถามว่าจะชี้แจงประชาชนอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่พรรคพลังประชาชนโจมตี พล.อ.อ.ชลิตตอบว่า กองทัพและ คมช.พูดคุยกันว่าเราจะเป็นกลาง และชี้แจงประชาชนให้เข้าใจว่า ควรจะเลือกคนกลุ่มใดที่ดีในการบริหารประเทศ ใครที่มุ่งหวังทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนแท้จริง ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่าหากได้รับเลือกเป็นรัฐบาลจะนำระบอบทักษิณกลับมาอีกครั้ง พล.อ.อ. ชลิตตอบว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะเป็นเรื่องของระบอบประชาธิปไตย หากประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบว่าจะคัดเลือก คนอย่างนี้เข้ามาทำงานให้ประเทศ คนส่วนน้อยก็ต้องยอมรับเหมือนรัฐธรรมนูญที่มีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ เราต้องยอมรับ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เมื่อถามว่าการตั้ง ครส.จะอธิบายกับประชาชนอย่างไรว่าไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อสกัดพรรคพลังประชาชน พล.อ.อ.ชลิต ตอบว่า ไม่ใช่ ต้องดูเนื้อหา อำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติ ทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ตั้งกติกา กฎเกณฑ์ จัดรูปแบบจัดกรรมการ
ผบ.ทบ.ย้ำให้กำลังพลวางตัวเป็นกลาง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยในช่วงเลือกตั้งว่า ขณะนี้ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษว่าทหารในพื้นที่จะต้องปฏิบัติอย่างไร แต่ให้นโยบายทุกหน่วยไปชัดแล้วว่าให้วางตัวเป็นกลาง ทุกหน่วยต้องไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาให้วางตัวเป็นกลาง ทั้งนี้ยังไม่มีการรายงานการทุจริตซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทหารต้องได้รับการร้องขอการสนับสนุนจาก กกต.เสียก่อน จึงจะสามารถลงไปปฏิบัติงาน เมื่อถามว่าตรวจสอบการทำงานเจ้าหน้าที่อย่างไรเพื่อไม่ให้เอนเอียงทางการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า สั่งการทุกหน่วยว่านอกจากวางตัวเป็นกลางแล้ว ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมือง และต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าถูกพรรคใดชักชวนไปเป็นตัวแทนดูแลกิจกรรมทางการเมือง อย่าเสียความเป็นกลางให้พรรคใดดึงไป ส่วนการดูแลซุ้มมือปืนที่จะก่อเหตุในช่วงเลือกตั้งนั้น ได้เน้นย้ำผู้บังคับบัญชาต้องดูแลผู้ใต้บังคับ บัญชาให้ดี ถือว่าเป็นความรับผิดชอบโดยตรง หากกำลังพลไปมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับซุ้มมือปืน เจ้าตัวต้องมีโทษทางอาญาและทางวินัย และหน่วยจะถูกเพ่งเล็ง หากไม่สามารถปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาได้
ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตามธรรมชาติ
เมื่อถามว่า กอ.รมน.จะเปิดกล่องรับเรื่องร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ยังไม่น่าจะถึงขั้นนั้น กกต.ยังไม่ได้ร้องขอมา การเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองจะเป็นการตีความในทางที่ไม่ดี ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตามธรรมชาติ ตามกลไกของ กกต.และประชาชนที่จะต้องใช้วิจารณญาณที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ว่าเป็นใครต้องวางตัวเป็นกลาง เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าทหารเข้าใจแนวทางประชาธิปไตยที่จะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า คิดว่าทหารยังไม่เข้าใจดีนัก หาก กกต.ร้องขอมาจะต้องอบรมเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ทำในขณะนี้คือไม่เข้าไปยุ่ง ไม่พูดถึงน่าจะเป็นการดีที่สุด เพราะหากไปพูดจะเป็นการให้คุณให้โทษ จะเป็นการฝักใฝ่ สังคมจะสับสน
เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์เลือกตั้งหรือไม่ที่พรรคการเมืองบางพรรคมองรัฐธรรมนูญในแง่ลบ พล.อ.อนุพงษ์ ตอบว่า ไม่ว่าอย่างไรต้องเป็นไปตาม เพราะรัฐธรรมนูญกำหนด หากจะแก้จะต้องใช้กลไกทางการแก้ ทุกคนไม่ควรจะต้องวิตกกังวล
กองทัพไม่สนใจว่าใครจะลงสมัคร ส.ส.
พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปก.มีชื่อเป็น ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชนว่า ตามนโยบายของ ผบ.ทบ. กองทัพไม่สนใจว่าใครเป็นใคร เพราะปัจจุบันทุกคนเป็นนักการเมืองขณะนี้เป็นเรื่องของการเปิดสมัครเข้ารับเลือกตั้ง ดังนั้น ไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายใด กองทัพมีความเป็นกลาง ส่วนแกนนำ นปก.ที่มีคดีสร้างความวุ่นวายหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม จะเหมาะสมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ทั้งนี้อย่าไปพูดถึงเรื่องอำนาจเก่าและอำนาจใหม่ เพราะขณะนี้ ทุกคนเป็นนักการเมือง ต้องให้ประชาชนตัดสิน เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ระบุว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นฉบับเฮงซวย พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องของท่าน อยู่ที่วุฒิภาวะของแต่ละคน ขอให้ประชาชนฟังและแยกแยะและตัดสินใจเอาเอง เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคที่ออกมาพูดอย่างนี้มีวุฒิภาวะผู้นำหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาเป็นผู้นำพรรคการเมือง ดังนั้น ถือเป็นผู้นำพรรค แต่จะเหมาะสมหรือไม่ประชาชนเป็นผู้เลือกเอง เมื่อถามย้ำว่ามองว่ามีคุณสมบัติเป็นผู้นำประเทศหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ทราบ
ที่มา ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1274 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 10 พ.ย. 50
เวลา 09:56:40
|
