• ปี59-61 เชียงใหม่มีผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม 2,389ราย 148รายอยู่ในวัยเรียน |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 10 มิ.ย. 61 เวลา 15:02:43 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ข้อมูลจาก ปี 59 ถึง มิถุยายน61 โดยนับจากผู้ที่มาตรวจเชื้อ HIV จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ อีก 2,389ราย โดย 148รายอยู่ในวัยเรียน(10-19ปี)
จากพฤติกรรมเสี่ยงของวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 24 ปี ยังมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV
ผู้ที่ติดเชื่อมากที่สุด เป็นชาย ในช่วง อายุ 25-49 ปี
พื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ มีผู้ติดเชือมากที่สุด
ดังนั้น เยาวชน และ ประชาชน ต้องระมัดระวัง และเรียนรู้ที่จะป้องกัน โดยการใช้ถุงยาง อย่าคิดว่า อายุน้อย จะไม่มีเชือ่ HIV แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ติดเชื่อ HIV ก็ยังสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ และสามารถดูแลสุขภาพ ให้มีชีวิตดังเช่นคนปกติทั่วไป
ที่มาข้อมูล
napdl.nhso.go.th/NAPWebReport/main_rep.jsp
ปัจจุบันไม่มียารักษาโรคติดเชื้อ HIV ให้หายขาด แต่ยาสามารถช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตยืนยาว มีสุขภาพที่แข็งแรง ยารักษา HIV เราเรียกว่ายาต้าน HIV (ยา ART) จะช่วยลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากเชื้อ HIV แม้ว่าคุณจะยังไม่มีอาการใด ๆ และยังรู้สึกแข็งแรงดีอยู่ เราก็แนะนำให้คุณไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการใดๆ ก็ตามที่จะช่วยให้คุณสุขภาพที่แข็งแรง
เมื่อผลเลือดท่านให้ผลบวกต่อเชื้อ HIV แสดงว่าท่านได้รับเชื้อไวรัส HIV ในกระแสเลือดแล้ว การที่เลือดให้ผลบวกมิได้หมายความว่าท่านเป็นโรคเอดส์ ผู้ที่ได้รับเชื้อ HIV โดยทั่วไปใช้เวลา 8-10 ปีจึงจะกลายเป็นโรคเอดส์ เมื่อท่านมีเชื้อไวรัสในเลือดสิ่งที่ท่านต้องทำคือ
1 ไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น เชื้อ HIV จะอยู่ในเลือด น้ำเหลือง น้ำนม น้ำหล่อลื่นของผู้ชายและผู้หญิง ท่านสามารถป้องการแพร่เชื้อโดย เมื่อท่านมีเชื้อ HIV ท่านต้องป้องกันผู้อื่นได้รับเชื้อจากท่าน เช่นเพื่อนร่วมงาน ครอบครัว คู่ที่มีเพศสัมพันธ์ ท่านต้องเรียนรู้การมีเพศสัมพันธ์ที่ลดการติดเชื้อ กิจกรรมทางเพศชนิดใดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง กิจกรรมใดที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้สวมถุงยางคุมกำเนิดเมื่อจะร่วมเพศทั้งทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากท่านอาจจะแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นแล้ว ท่านอาจจะได้รับเชื้อตัวใหม่ทำให้อาการของท่านแย่ลง การกอดหรือจูบโดยที่ไม่มีแผล การสัมผัสจะไม่แพร่เชื้อ ไม่ใช้แปรงสีฟัน มีดโกนหนวด ที่ตัดเล็บร่วมกัน อย่าเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง ไม่บริจาคเลือดให้แก่ผู้อื่น การใช้โถส้วม การใช้แก้ ชาม ร่วมกัน ไม่ทำให้ติดเชื้อสู่ผู้อื่น
2 การดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง
3 ปัจจุบันมียาต้านไวรัส HIV ซึ่งสามารถชะลอการเกิดโรคเอดส์ยาบางชนิดยับยังการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสทำให้ท่านมีสุขภาพสบายขึ้น
4 ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ต้องเตรียมข้อมูลก่อนไปพบแพทย์
5 ดูแลสุขภาพตัวเอง
พฤติกรรมที่ไม่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวี
การกอด การจับมือ หรือการจูบแบบปิดปากกับผู้ติดเชื้อ
การใช้ห้องน้ำหรือจานชามร่วมกับผู้ป่วย
การสัมผัสกับเหงื่อ น้ำตา หรือน้ำลายที่มีไม่มีเลือดของผู้ติดเชื้อปนเปื้อน
การถูกยุงหรือแมลงที่ดูดเลือดจากผู้ติดเชื้อกัดต่อย
การหายใจร่วมกัน
การกัด การเกา หรือการบ้วนน้ำลาย แพร่เชื้อเอชไอวีสู่ผู้อื่นได้หรือไม่ ?
ปกติแล้ว ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่อาจแพร่เชื้อผ่านการกัดหรือการบ้วนน้ำลายได้ เนื่องจากในน้ำลายไม่มีเชื้อเอชไอวี ทว่าหากผู้ป่วยมีแผลในปากหรือมีเลือดออกตามไรฟันและกัดผู้อื่นจนผิวหนังฉีกขาด อาจทำให้บุคคลดังกล่าวเสี่ยงติดเชื้อได้ แต่เกิดขึ้นได้น้อยมาก
ส่วนการเกาผิวหนังนั้นไม่ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อไวรัสไปยังผู้อื่นเช่นกัน หากไม่ได้เกาอย่างรุนแรงจนเกิดบาดแผลมีเลือดออกหรือทำให้สารคัดหลั่งของผู้ป่วยเข้าสู่ร่างกาย ทางที่ดีผู้ป่วยและผู้ดูแลควรสวมถุงมือเพื่อป้องกันการสัมผัสโดนเลือดของผู้ติดเชื้อโดยไม่ตั้งใจ
การสักหรือเจาะร่างกายทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้หรือไม่ ?
การเจาะหรือสักตามร่างกายอาจส่งผลให้ติดเชื้อเอชไอวีได้ หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาด มีการใช้เข็มสักหรือเจาะซ้ำ หรือใช้หมึกในการสักร่วมกับผู้อื่น ดังนั้น หากต้องการสักหรือเจาะร่างกาย ควรสังเกตความสะอาดและสุขอนามัยของร้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเข็มสัก หมึกที่ใช้ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งยังควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านดังกล่าวมีใบรับรองจากหน่วยงานสาธารณสุข
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 23191 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 10 มิ.ย. 61
เวลา 15:02:43
|