พาณิชย์ลำพูน ติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาดสินค้าเกษตร ขิง กระเทียม ลำไย มะม่วง ณ อ.ลี้ จ.ลำพูน เพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาผลผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่
วันนี้ 13 มิถุนายน 2561 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน นำโดยนางเฟื่องฟ้า ตุลาธรรมกุล พาณิชย์จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยนางกนกรัตน์ ยุกติรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มทะเบียนธุรกิจและอำนวยความสะดวกทางการค้า และคณะเจ้าหน้าที่ฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาดสินค้าเกษตร ขิง กระเทียม ลำไย มะม่วง ณ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เพื่อเตรียมการแก้ไขปัญหาผลผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่ พร้อมทั้งสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่จริง เพื่อวางแผนมาตรการรองรับให้ทันถ่วงที และมีประสิทธิภาพ
โดยช่วงเช้าได้เข้าพบเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ ลพ. 6 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1(เชียงใหม่) เพื่อนำคณะพาณิชย์จังหวัดลำพูน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเพาะปลูกขิง ในพื้นที่ ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ ซึ่งพบว่ามีพื้นที่เพาะปลูกขิง จำนวน 246 ไร่ จำนวน 25 แปลง เป็นพื้นที่ราษฏรที่มาขอเช่าที่ป่าเพื่อปลูกขิง ซึ่งสำนักงานฯ ได้เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาด้านการตลาดต่อไป
โดยช่วงบ่ายได้เข้าพบนายวิวัฒน์ จันทร์โอภาส นายอำเภอลี้ เพื่อสอบถามสถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ อาทิ กระเทียม ลำไย มะม่วง ในพื้นที่ พบว่าสถานการณ์การผลิตมะม่วงอำเภอลี้ มีพื้นที่ 2,791 ไร่ ให้ผลผลิต 5,242 ตัน ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพันธุ์มหาชนก ที่สถานการณ์ซื้อขายปีนี้ไม่คล่องตัว เนื่องจากปริมาณผลผลิตในภาพรวมมีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาซื้อขายในภาพรวมลดลง โดยทางจังหวัดลำพูน ได้หามาตรการแก้ไขปัญหาหลายช่องทาง ในส่วนสถานการณ์ลำไยปีนี้อำเภอลี้ ยังคงน่าห่วง เนื่องจากปีนี้อำเภอแจ้งว่าประมาณการผลผลิตลำไยมีปริมาณมาก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมมาตรการป้องกันแก้ไข และประเมินเป็นระยะต่อไป ในด้านสถานการณ์กระเทียม เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จสิ้นแล้ว เกษตรบางส่วนยังคงเก็บผลผลิตไว้เพื่อรอราคาจำหน่าย สถานการณ์ปีนี้ผลผลิตเข้าสู่ตลาดปริมาณ ส่งผลให้ราคากระเทียมในพื้นที่ลดลงกว่าปีที่ผ่าน ซึ่งจังหวัดลำพูน ได้มีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม จังหวัดลำพูน ปีการผลิต 2560/61 โดยสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ ให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกกระเทียม ปีการผลิต 2560/61 ไว้กับสำนักงานเกษตรอำเภอแหล่งผลิตในจังหวัดลำพูน ที่กู้เงินผ่าน ธ.ก.ส เพื่อชะลอการจำหน่ายกระเทียมในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท (ตามพื้นที่ปลูกจริงไม่เกิน 5 ไร่ๆ ละ 10,000 บาท) ระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ 5 เดือน (15 พฤษภาคม – 14 ตุลาคม 2561)