ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนายบุญเกิด โพธิกุล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบ้านสุขาวดี หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ว่า มี 2 พ่อลูก ปลูกกระต๊อบอาศัยอยู่ในป่าช้า วัดช่องลม นานกว่า 10 ปี ยึดอาชีพเก็บขยะขายส่งลูกสาวเรียน และต้องอยู่กินแบบอดมื้อกินมื้อ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ ด.ญ.สโรชา ชมภู อายุ 11 ปี ในกระต๊อบกว้างประมาณ 2 เมตร ยาว 2 เมตร ใช้ไม้เก่าทำฝาบ้าน สังกะสีเก่าและแผ่นไม้อัดมุงหลังคา อยู่กับนายทองเปลว ชมภู อายุ 35 ปี บิดา ในกระต๊อบมีแต่ที่นอนเก่าๆ ไม่มีแม้ภาชนะหุงหาอาหาร
ด.ญ.สโรชากล่าวว่า ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ 2 คน ในป่าช้ามาตั้งแต่จำความได้ และเพื่อนพ่อสงสารนำไปฝากเรียนที่โรงเรียนพัทยา 2 ขณะนี้อยู่ชั้น ป.2/1 ที่ผ่านมา ไม่เคยบอกให้ใครรู้ จนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน เกิดปวดท้อง ครูประจำชั้นพามาส่งบ้าน จึงได้รู้ว่าอาศัยอยู่ในป่าช้า
นายทองเปลวกล่าวว่า บ้านเดิมอยู่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ภรรยาคลอดลูกสาวได้ไม่นานก็ทิ้งไปมีสามีใหม่ จึงอุ้มลูกมาตามหาที่พัทยา และเร่ร่อนไปตามถนนจนพบที่ว่างในป่าช้า จึงหาไม้และสังกะสีเก่าสร้างเป็นกระต๊อบอยู่มากว่า 10 ปีแล้ว บางวันมีเงินซื้อข้าวและให้ลูกไปโรงเรียน วันไหนไม่มีก็ต้องอดทั้งคู่ โชคดีคนในบ้านสุขาวดีนำอาหารมาส่งให้เกือบทุกวัน ทำให้รอดชีวิตมาได้ ส่วนลูกสาวมีสุนัขเป็นเพื่อน เพราะไม่มีเด็กกล้าเข้าป่าช้ามาเล่นด้วย
ด้านนายรณกิจ เอกสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นายเกษม ฉิมจิ๋ว ผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองพัทยา 2 ได้ลงมาตรวจสอบและช่วยเหลือเบื้องต้น ทางโรงเรียนได้ขอทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายให้ ด.ญ.สโรชา ส่วนผู้ต้องการช่วยเหลือติดต่อได้ที่เมืองพัทยา 2 เบอร์โทร.0-3822-1264 หรือโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารออมสิน สาขาบางละมุง ประเภทเผื่อเรียก ชื่อบัญชี ด.ญ.สโรชา ชมภู เลขที่บัญชี 03-2105-02-112608-2
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม