• เลี้ยงลูกด้วยมือถือ ตั้งแต่ 2ขวบ ตามีปัญหา ต้องผ่าตัดตอนอายุ 4 ขวบ |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 03 พ.ย. 61 เวลา 16:25:32 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้

วานนี้(2 พ.ย. 61) ผู้ใช้เฟซบุ๊กDachar Nuysticker Chuayduang โพสต์เล่าเรื่องราวบทเรียนการเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ-ไอแพด ตั้งแต่ ตอน 2 ขวบ แล้วส่งผลกระทบตามมาต่อสายตาของลูกสาว และต้อง ผ่าตัดตอนอายุ 4 ขวบ โดยโพสต์ ดังนี้
"เคยได้ยินข่าวกันมาบ่อย แต่ก็มาเจอกับตัวเองจนได้
จอปีศาจ เลี้ยงลูกกะมือถือ-ไอแพด ตอน 2 ขวบ ดูแลเค้าไม่ทันบางทีก็ ให้ดูจอไปพลางๆจะได้ไม่กวนไม่งอแงมาก
ท่านอย่าดีใจไปนะครับ เด็กอารมณ์ดี ตอนได้ดู แต่พอไม่ได้ดู เค้าอารมณ์เสีย ต้องดูให้ได้ เหมือนเด็กติดเกมเลย ผลกระทบที่ได้มาเราเองคนเป็นพ่อเป็นที่ต้องมาเสียใจ มานั่งสงสารเค้า ทำไมเราไม่ดูแลเค้าดีๆ
พอตาเริ่มมีปัญหาได้ใส่แว่นประคองอาการหวังว่าจะดีขึ้น สุดท้ายต้องมาผ่าตัดตั้งแต่อายุ 4 ขวบ
คนต่อไปคงไม่มีเหตุการณ์นี้อีกแล้ว ขอโทษด้วยนะลูกที่พ่อดูแลไม่ดีจนต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ หวังว่าหลายๆท่านคงจะให้ลูกดูจอเป็นเวลา พอประมาณ ผลที่ได้รับมามันร้ายแรงกว่าที่คิดมากนะครับ ทั้งสมาธิสั้น รอไม่ค่อยเป็น หลังจากไม่ได้ดู อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย คนละคนเลยครับ หวังว่าคงไม่ต้องมีการผ่าตัดรอบที่สองนะลูกนะ หายไวๆนะจ้ะคนดี
พ่อแม่มือใหม่ อย่าให้ลูกดูเลยนะครับ ใจแข็งเข้าไว้นะครับ
สุดท้ายนี่ขอบคุณ พ.ญ.โสฬส วุฒิพันธุ์ โรงพยาบาล ตา หู คอ จมูก มากๆครับที่ตัดสินใจผ่าตัดให้เรียบร้อยด้วยดี
ขออนุญาตลงภาพที่ตาเอียงนะครับ คนถามมาเยอะมาก
ภาพนี้ชัดเจนว่าน้อง ตาเอียง มองไม่เท่ากัน ตาเหล่ด้วย
Lazy eye ด้วย ใส่แว่นมา 4 แบบ สี่ระยะแล้ว ยังไม่ดีขึ้น
ปิดตาไปโรงเรียน ข้างที่ดีปิดไว้ จะได้กระตุ้นข้างที่อ่อนแอกว่า
ก็ไม่หายครับ หมอเลย ตัดสินใจให้รีบผ่าตัดเลยจะหายไวกว่า
ที่จะไปผ่าตัดตอนโตกว่านี้ ครับ
ปล่อยให้น้องนอนเล่นอยู่กะโทรศัพท์เพราะพ่อกับแม่ต้องจัดของทำงาน เลยต้องปล่อยไว้เพราะจะได้ไม่วิ่งไปไหน จะได้ไม่งอแง
ผลที่ได้ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ จะไม่ให้ดูเลยครับ ยังห้ามทันก็พยายามเลี่ยงกันนะครับ ก่อนตาจะเสียไปกว่านี้"
เครดิต Drama-addict
เพิ่มเติมข้อมูลจากคลิปก่อนที่เกี่ยวกับเรื่องของเด็กเป็นออทิสติกเทียม จากการเล่นแทปเล็ท มือถือ ตอนอายุน้อยเกินไป จนเด็กมีปัญหาด้านพัฒนาการ เรียนไม่ดี สมาธิสั้น พัฒนาการช้า มีคนหลังไมค์มาถามว่าจะดูยังไงว่าลูกตัวเองเป็นแบบในคลิปนี้
วิธีสังเกตุง่ายๆก็ประมาณว่า การแสดงออกของเด็กดูแปลกๆไม่เหมือนเด็กคนอื่นมั้ย เช่น ไม่ยิ้ม ไม่แสดงอารมณ์ เรียกชื่อเด็กแล้วไม่หัน หรือมีพฤติกรรมแบบเล่นแปลกๆ เช่น ปรกติ เวลาเด็กผู้ชายได้รถของเล่น เขาจะเอาไปไถบรื้นๆๆๆ เหมือนสมมุติว่ารถมันแล่นอยู่ แต่ถ้าเป็นเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการ เขาจะเอารถไปนั่งปั่นล้อเล่น พวกนี้เป็นอาการนึงที่บอกว่า ควรรีบพาเด็กไปหาหมอให้ตรวจให้ชัดเจนว่า เป็นออทิสติค หรือออทิสติคเทียมหรือไม่นะครับ แต่ก็เราสามารถสร้างพัฒนาการที่ดีได้ด้วย การใช้เทคโนโลยีอย่างพอดี และส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ได้คิด ได้ทำ โดยเฉพาะการได้ออกไปเล่นนอกบ้าน ห่างจอมากขึ้น ซึ่งนั้นคือคำตอบที่เป็นทางออกที่ดีที่สามารถช่วยเด็กๆได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ออทิสติกเทียมเกิดจากอะไร
เกิดจากการเลี้ยงดู หากเรารู้ไว เราก็มีโอกาสหาย เด็กจะมีสมาธิสั้น ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางสมอง ในส่วนของอารมณ์นั้น เด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม และพัฒนาการล่าช่า ส่วนเด็กสมาธิสั้น จะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ นั่นคือ อยู่ไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิทำกิจกรรมนั้น ๆ ให้สำเร็จ นั่งทำอะไรนาน ๆ ไม่ได้ เว้นแต่จะได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ
สาเหตุของการเกิด คือ เด็กดูสื่อทางจอมากเกินไป ไม่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการที่มากพอ สื่อทางจอเป็นสื่อเดียวที่ได้ได้รับเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้มีการโต้ตอบ ทำให้พัฒาการเรื่องการสื่อสารนั้นช้า ไม่ปกติ และเค้าก็จะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของเค้า โลกของจอ ทำให้เค้าไม่เข้ากับสังคม ไม่เล่นกับคนอื่น ทำกิจกรรมกลุ่มไม่ได้ ไม่สนใจใคร
และอีกข้อหนึ่งที่มีส่วนก็คือ การที่แม่อยู่กับลูกเพียงลำพังสองคน หมอบอกว่า ลองสังเกตว่าบ้านที่เป็นครอบครัวใหญ่อยู่กันหลายคนกับเด็กที่อยู่กับแม่เพียงลำพัง จะมีพัฒนาการที่ต่างกัน ซึ่งของฝนนั้นเข้าข่ายทั้งสองสาเหตุ
หมอบอกว่า ฝนโชคดีที่รู้ไวทำให้น้องมีโอกาสหาย แต่ก็ต้องขอเวลาสามเดือน ซึ่งหมอก็แอบกลัวพัฒนาการเค้าจะถดถอยหลังจากที่ฝนคลอดลูกอีกคน เพราะสำหรับครอบครัวที่มีลูกห่างกันไม่เกินสี่ปี เด็กมักมีการอิจฉากัน แล้วจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พัฒนาการเค้าถดถอยหนักกว่าเดิม หมอจึงแจ้งว่า หลังจากที่แม่คลอดลูกคนที่สอง ขอให้คุณแม่มีเวลาอย่างน้อยวันนึง ครั้งละหนึ่งชั่วโมง เพื่ออยู่กับลูกคนโตโดยที่ไม่มีลูกคนเล็กอยู่ เพื่อกันไม่ให้เค้ารู้สึกว่าแม่ไม่รักเค้า
วิธีรักษา คือ เด็กที่ป่วยเป็นออทิสติกเทียมนั้น ต้องเข้าบำบัดและฝึกพูดทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเคสของลูกจันทร์นั้นไม่ต้องทานยา เพาะเป็นแบบเทียม และพ่อแม่จะต้องปรับเปลี่ยนการเลี้ยงดูใหม่หมด โดยการงดเปิดทีวี แท็บเลต มือถือในขณะที่อยู่กับลูก พาเขาออกไปพบคนอื่นบ่อย ๆ นอกจากพ่อแม่ และต้องกระตุ้นพัฒนาการของเค้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เช่น ฝึกพูดโดยการพยายามให้ลูกสนใจเราให้ได้ ให้เค้าสบตา มองปากเวลาพูด เล่นของเล่นที่ใช้จินตนาการ เล่นสมมุติ เล่านิทาน ฝึกสมาธิโดยการให้เล่นของเล่นทีละหนึ่งชิ้น ยกตัวอย่างเช่น การต่อบล๊อค ร้อยเชือก ระบายสี ปั่นแป้ง เพราะช่วงแรกเกินจนถึงวัยสามขวบนั้น เป็นช่วงขุมทรัพย์สมองเด็กที่จะเจริญเติบโตมากถึง 80% และเป็นวัยแห่งการเลียนแบบ หากไม่อยากให้ลูกทำอะไร ก็อย่าทำให้ลูกเห็นเด็ดขาด
วิธีป้องกัน คือ อย่าให้ลูกดูทีวี แท็บเลต มือถือ ถ้าทำได้ไม่ให้ดูเลยยิ่งดี เล่นและพูดคุยกับลูกให้มากที่สุด เพราะของเล่นที่ดีที่สุดก็คือ พ่อกับแม่
สิ่งที่อยากฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกคนก็คือ "อย่าทำให้เทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นมาทำร้ายลูกของเราเลยค่ะ เมื่อไหร่ที่เราวางสื่อทางจอ ออกจากโลกโซเชียล เราจะรู้ว่าเรามีเวลาให้ลูกเรามากขึ้น ได้ทำอะไรให้เค้ามากขึ้น"
ข้อมูล th.theasianparent.com/
เด็กอายุเท่าไหร่ ที่จะสามาถใช้มือถือได้
- เด็กอายุ 1-3 ปี เป็นวัยที่ยังไม่ควรให้ใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ เพราะเด็กในวัยนี้ต้องเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ต้องไปสัมผัสสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ได้ลงมือกระทำและเลียนแบบจากสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว การดูโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ จะทำให้พวกเขาไม่ได้รับประสบการณ์จริง อีกทั้งยังไม่ได้ใช้จินตนาการ และยังไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากให้เด็กอายุ 1-3 ปี ได้ดูหน้าจอโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ก็ได้ไม่เกิน 15 นาที เป็นอย่างมาก
- เด็กอายุ 3-6 ปี เป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ความรู้สึก จิตใจ หากได้ดูภาพจากจอโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกินไปจนสมองประมวลผลไม่ทัน ก็อาจทำให้เกิดความก้าวร้าวได้ อีกทั้งเด็กในวัยนี้กำลังเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบ อาจเลียนแบบความก้าวร้าวรุนแรงที่เห็นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนี้การดูหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังอาจทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น จึงควรให้เด็กอายุ 3-5 ปี ได้ดูหน้าจอโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ได้ไม่เกินครั้งละ 30 นาที เป็นอย่างมาก
- เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป เริ่มมีพัฒนาการ สามารถมีวิจารณญาณรับรู้ว่าอะไรคือความเป็นจริง อะไรคือการแสดง แต่หากให้ดูหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานเกินไปโดยไม่มีการทำกิจกรรมอื่นก็อาจทำให้ไม่ได้ออกกำลังกายจนร่างกายอ่อนแอ อาจเกิดโรคอ้วน และกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงได้ นอกจากนี้การใช้สายตากับหน้าจอเหล่านี้เป็นเวลานาน ก็อาจทำให้ดวงตาเสียหายได้ จึงควรให้เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ดูหน้าจอโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ได้ครั้งละไม่เกิน 1 ชั่วโมง เป็นอย่างมาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1607 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 พ.ย. 61
เวลา 16:25:32
|