ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พสกนิกรชาวไทยพร้อมใจใส่เสื้อเหลืองรอเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จฯมาในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ประจำปี 2550 กันอย่างล้นหลาม
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวันที่ 2 ธ.ค. มีประชาชนจำนวนมากได้ทยอยเข้ามาจับจองหาที่นั่งโดยรอบลานพระราชวังดุสิต หรือลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอเวลารับเสด็จ และร่วมชมพิธีถวายสัตย์ ปฏิญาณตนและสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ ซึ่งก่อนที่พิธีการจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย ทางกองทัพได้จัดให้มีการแสดงของขบวนช้าง เล่าตำนานที่มากองทัพไทย แล้วตามด้วยขบวนดุริยางค์ของเหล่าทัพ ที่อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ประกอบการแปรขบวน และมีการขับร้องบทเพลงพิเศษ “6 ทศวรรษ กษัตริย์นักพัฒนา 80 พรรษา มหาราชันย์”
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงรอรับเสด็จ อยู่ ณ พลับพลาที่ประทับ
จากนั้น ในเวลา 16.20 น. พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของเหล่าทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2550 ก็เริ่มขึ้นโดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.มนตรี ชมภูจันทร์ เสนาธิการทหารบก, พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.ร.อ.เดชา อยู่พรต เสนาธิการทหารเรือ, พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.อ.อ.อิทธิพล ศุภวงศ์ เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม
ทั้งนี้ พล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสม นำทหารรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน ร่วมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ต่อมาเวลา 17.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งคาดิแลคเปิดประทุน ทะเบียน ร.ย.ล. 960 ออกทางประตูทวยเทพสโมสร มายังบริเวณต้นขบวนแถวทหาร ต่อด้วย พล.ต.ไพบูลย์กราบบังคมทูลถวายรายงาน ขอพระราชทานกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนามด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์ 8 นายตามเสด็จฯ
ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรวจพลสวนสนามแล้ว ได้เสด็จขึ้นสู่พลับพลาที่ประทับ ผู้บังคับกองพันและหมู่เชิญธงชัยเฉลิมพลเข้าประจำที่หน้าพลับพลา พล.อ.บุญสร้างได้นำนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายพานดอกไม้ ธูปเทียนแพ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด นำทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณ และแถวทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณตามผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยพร้อมเพรียงกันว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายคำสัตย์ปฏิญาณ ว่า ข้าพระพุทธเจ้าจักยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และจะจงรักภักดีและถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตจะหาไม่ และจะเชิดชูรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ของทหารรักษาพระองค์ ทั้งจักปฏิบัติตนให้เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกประการ"
เมื่อถวายคำสัตย์ปฏิญาณเสร็จ ผู้บังคับกองผสมสั่งถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมปล่อยลูกโป่งและแพรถวายพระพร “ทรง พระเจริญ” ปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย 21 นัด และปล่อยลูกโป่งจำนวน 8,000 ลูก ภายในบริเวณสนามเสือป่าลำดับต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปยังพลับพลาที่ประทับ พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯ และทหารรักษาพระองค์ ความว่า
"ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความยินดียิ่งนัก ที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางทหารรักษาพระองค์ในพิธีตรวจพลสวนสนามในวันนี้ ขอขอบใจในไมตรีจิตของทุกคน และขอสนองพรกับทั้งไมตรีนั้น ด้วยใจจริงเช่นกัน ไทยเรารักษาเอกราชและผืนแผ่นดินให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นมาได้ ก็เพราะเราทุกคนมีความสำนึกตระหนักในความเป็นไทยและหน้าที่ ที่จะธำรงรักษาชาติ ประเทศไว้ให้เป็นอิสระ มั่นคง ตามประวัติการณ์ที่ปรากฏมา คนไทยจึงมีจิตใจผูกพัน ปรองดอง อันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แยกพวก แยกเหล่า มีปกติสามัคคี พร้อมเพรียงกันเสมอ แต่สถานการณ์ บ้านเมืองเราในทุกวันนี้ เป็นที่ทราบแก่ใจของเราทุกคนที่สุดแล้วว่า ไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่า หากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคี ก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ
จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่ ทุกเหล่า ได้พิจารณาตัดสินใจว่า ประเทศชาติของเรานั้น สำคัญควรที่เราจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตา สามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติ เป็นที่หมายสูงสุด ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับทั้งอำนาจแห่งความภักดี โดยบริสุทธิ์ใจในชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทุกๆท่าน ประสบแต่ความสุข สวัสดี และความสำเร็จ สมประสงค์ จงทั่วกัน"
ต่อมาเวลา 17.34 น. ผู้บังคับกองผสมได้สั่งกองผสมสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับจำนวน 12 กองพัน และกองพันทหารม้ารักษาพระองค์จำนวน 1 กองพัน สวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับตามลำดับหน่วย กระทั่งเวลาประมาณ 18.06 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ผู้บังคับกองผสมพร้อมทหารนำถวายพระพรเปล่งเสียงทรงพระเจริญ พร้อมกัน 3 ครั้งอันเป็นเสร็จพิธี
ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่านถนนศรีอยุธยา เข้าถนนพระราม 5 ผ่านแยกวัด เบญจมบพิตรเข้าสู่พระตำหนักฯนั้น ก็มีพสกนิกรสวมเสื้อเหลืองมารอเฝ้ารับเสด็จฯตลอดสองฟากถนน พร้อมกับโบกธงชาติและธงเหลืองประดับตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา รวมทั้งเปล่งเสียงถวายพระพร "ทรงพระเจริญ" อย่างต่อเนื่อง เป็นการส่งเสด็จ จนกระทั่งขบวนฯเลี้ยวเข้าพระตำหนักฯ ทางประตูพระวิรุณอยู่เจน
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ข่าวจาก กระปุกดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|