กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
11 เดือน ยอดขอลงทุนตั้งโรงงานในไทยพุ่ง 4.45 แสนล้าน โตสวนทางเศรษฐกิจโลกซบเซา
โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผย 5 อุตสาหกรรมมีแนวโน้มสดใส ต้องการแรงงานใหม่สูง ทั้งกลุ่มอาหาร พลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ชี้นักลงทุนเชื่อมั่นประเทศไทย-นโยบาย ส่งเสริมลงทุน หลังพบตัวเลข 11 เดือน มูลค่าลงทุนขอตั้งโรงงาน
ขยายกิจการ เติบโต 37.94% ความต้องการแรงงานกว่า 1.78 แสนคน
นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกประจำกระทรวอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากข้อมูลกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 21 พ.ย. 62 มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการและขยายกิจการรวม 3,950 แห่ง มีการจ้างงานใหม่ 178,733 คน และมูลค่าลงทุนรวม 445,025 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการสูงสุด ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร 490 โรงงาน กลุ่มพลาสติก 425 โรงงาน กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน 340 โรงงาน กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ 327 โรงงาน และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า 92 โรงงาน ในส่วนของมูลค่าการลงทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการและขยายกิจการ สูงถึง 445,025 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 37.94% ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่สูงมาก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นประเทศไทย และเชื่อมั่นนโยบายของกระทรวอุตสาหกรรม ที่ผลักดันส่งเสริมการลงทุนในด้านต่างๆ รวมถึงการนำผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ โรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนในต่างประเทศอยู่เสมอ
จากข้อมูลตัวเลขสถานการณ์เปิดโรงงานใหม่ การปิดกิจการ และการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการลงทุนที่เป็นไปในทิศทางที่สูงขึ้น จากจำนวนการเปิดโรงงานใหม่ที่มีมากกว่าการปิดกิจการโรงงานสูงถึง 101% และเงินลงทุนในปี 2562 ที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 37.94%
ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบันพบว่า ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ การส่งออกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง การบริโภคในประเทศเริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่เดือน พ.ค.62 และผู้ส่งออกได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินบาท จึงจำเป็นต้องมีแนวทาง และมาตรการที่เร่งด่วนทั้งระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมไทย โดยระยะสั้นเร่งด่วน 4 ด้าน คือ ภาครัฐต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ การกำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศสำหรับโครงการภาครัฐ การเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจ และการดูแลสถานการณ์ค่าเงิน เพื่อให้สินค้าและบริการของไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
https://region3.prd.go.th/prcm/cmnews.php?ID=191128161432
/////////////
นันธิกา กิจปาโล/เรียบเรียง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|