ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เอกสารลับ ใกล้จบ คมช. พ้นผิดจาก เอกสารลับ หลัง กกต. มีมติ 4-1 เสียงให้ยกคำร้อง เอกสารลับ อ้างการกระทำยังไม่เกิด ได้รับการคุ้มครองจาก รัฐธรรมนูญ ชั่วคราว ม.309 รัฐธรรมนูญ 2550 เกาะติด ข่าวการเมือง ที่นี่ค่ะ
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมลงมติกรณีเอกสารลับ ว่า ที่ประชุม กกต. มีมติ 4 ต่อ 1 เสียง ให้ยกคำร้อง โดยเสียงข้างน้อย ได้แก่ นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง เนื่องจากนางสดศรีเห็นว่า กกต. ไม่มีอำนาจตรวจสอบการทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ส่วน กกต. 4 ท่านที่เหลือมีความเห็นว่า สมควรยกคำร้อง แม้ว่าจะให้เหตุผลแตกต่างกันเล็กน้อย โดย กกต.เสียงข้างมากจำนวน 2 ท่านเห็นว่า การกระทำของ คมช. เป็นการกระทำที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2549 และมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งตรงกับความเห็นเสียงข้างน้อย 3 ต่อ 4 ของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีเอกสารลับที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธาน เสนอมายัง กกต.
นายอภิชาต กล่าวว่า กกต. เสียงข้างมากเห็นตรงกันทั้งหมดว่า ยังไม่มีการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่พรรคการเมืองหรือผู้ใด ทั้งนี้ กกต. ให้น้ำหนักการวินิจฉัยการที่ คมช. ยังไม่ได้มีการกระทำ และเอกสารลับนั้นเป็นเพียงแผนงานที่กำหนดออกมา แต่ยังไม่มีการกระทำตามแผนดังกล่าว เช่น ยังไม่มีการอนุมัติงบประมาณ และยังไม่มีการกระทำตามแผนใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น กกต.จึงไม่ต้องสั่งห้ามใดๆ เพราะพยานฝ่ายผู้ถูกร้องเรียนยืนยันว่าไม่มีการกระทำใดๆ ส่วนการระบุว่าเอกสารใดเป็นของจริงและเท็จนั้น ไม่ได้พิสูจน์เรื่องนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลใดถึงไม่พิสูจน์เรื่องเอกสารจริงและเท็จ นายอภิชาต กล่าวว่า "ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล"
ส่วน กกต. ต้องทำหนังสือเตือนไปยังคมช.หรือไม่นั้น นายอภิชาต กล่าวว่า ไม่ต้องสั่งระงับหรือเตือนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าไม่มีการกระทำใดๆ ทั้งนี้ วานนี้ (11 ธ.ค.) กกต. ได้บันทึกถ้อยคำของพยานไว้แล้ว
เมื่อถามว่า เมื่อ กกต. ตัดสินเช่นนี้แสดงความความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กรณีเอกสารลับ ซึ่งระบุกรรมการ 4 ต่อ 3 เห็นว่า การกระทำของ คมช. ไม่มีความเป็นกลางนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถือใช่หรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ความเห็นดังกล่าวเป็นเสียงข้างมาก 4 เสียง และเสียงข้างน้อย 3 เสียง ซึ่งการวินิจฉัยอย่างนี้ กรรมการบางคนก็เป็นผู้อำนวยการสำนักของ กกต. ซึ่ง กกต. ได้ส่งลงไปสืบหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีหน้าที่ไปสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงมาชี้แจงให้กกต. ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ ลงมติ ก็เป็นเรี่องของคณะกรรมการฯ ซึ่ง กกต. ไม่ต้องการให้มีการชี้ถูกชี้ผิดโดยคณะกรรมการฯ ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ ลงมติมา จึงเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการฯ เท่านั้น ซึ่งออกมาเป็น 4 ต่อ 3 โดย กกต. จะเชื่อใครก็ต้องวินิจฉัย
ส่วนกรณีที่เอกสารพรรคพลังประชาชน (พปช. ) ระบุว่าเอกสารลับได้มีการระบุชื่อพรรคพลังประชาชนนั้น กกต. ได้นำประเด็นนี้มาพิจารณาหรือไม่นั้น นายอภิชาต กล่าวว่า กกต.มองว่ายังไม่มีการกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นตามเอกสารลับของคมช. ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้รับการกดดันจาก คมช. แต่อย่างใด
ข่าวจาก ที่นี่ดอทคอม
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|