ด้านบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) : (AAV) เผยว่า ไตรมาสแรกของปี 2563 ทางบริษัทฯ พลิกขาดทุนเป็นจำนวน 671,484 ล้านบาท ลดลงมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่บริษัททำกำไรได้มากกว่า 497,204 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 ที่ขาดทุนไป 482,477 ล้านบาท, ไตรมาส 3/2562 ขาดทุนไป 416,634 ล้านบาท และไตรมาส 4/2562 ที่ขาดทุนไป 72,000 ล้านบาท
สำหรับทางบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) : (NOK) นั้นได้ขอผ่อนผันและเลื่อนการส่งงบการเงินในไตรมาส 1/2563 ของบริษัทกับทางตลาดหลักทรัพย์ ออกไปเป็นวันที่ 14 ส.ค.63 เนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางบริษัทได้ดำเนินการปิดเส้นทางการบินใน 6 ประเทศ 26 เส้นทางลงตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงข้อมูล และการตรวจสอบการเงิน ซึ่งหากการประมาณการตัวเลขคาดเคลื่อน อาจส่งผลกระทบทางด้านธุรกิจและความน่าเชื่อถือของบริษัทได้
ทั้งผลประกอบการของนกแอร์ตลอดทั้ง 4 ไตรมาสในปี 2562 ที่ผ่านมาถือว่าติดลบอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2562 ขาดทุนไป 304,157 ล้านบาท, ไตรมาส 2/2562 ขาดทุนไป 674,119 ล้านบาท, ไตรมาส 3/2562 ขาดทุนไป 633,946 ล้านบาท และไตรมาส 4/2562 ขาดทุนไป 439,190 ล้านบาท
และทางด้าน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) : (THAI) ก็เป็นอีกสายการบินที่ยื่นเรื่องขอผ่อนผันและเลื่อนการส่งงบการเงินในไตรมาส 1/2563 กับทางตลาดหลักทรัพย์ ออกไปเป็นวันที่ 14 ส.ค.63 หลังจากทางบริษัทได้เตรียมเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง โดยทางศาลได้กำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 17 ส.ค.63 นี้
สำหรับผลประกอบการตลอดทั้ง 4 ไตรมาสในปี 2562 ของการบินไทยนั้นพบว่า ในไตรมาสที่ 1/2562 บริษัทได้กำไรกว่า 445,443 ล้านบาท ก่อนที่จะขาดทุนอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2, 3 และ 4 (2/2562 ขาดทุน 6,883,814 ล้านบาท, 3/2562 ขาดทุน 4,681,501 ล้านบาท และ4/2562 ขาดทุน 919,000 ล้านบาท) โดยมีสาเหตุมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี, การแข่งขันด้านราคาในภาคธุรกิจการบิน, ภัยธรรมชาติ และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ
Workpoint News