• ปลายฝนต้นหนาว RSVระบาด ผู้ปกครองควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 03 พ.ย. 63 เวลา 13:23:57 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กรมการแพทย์แนะปลายฝนต้นหนาว RSVระบาด ผู้ปกครองควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด
กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ขอให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังบุตรหลานของท่าน ในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้เป็นฤดูกาลระบาดของเชื้อไวรัส RSV ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการทางระบบทางเดินหายใจของลูกหลานอย่างใกล้ชิดและหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เชื้อไวรัส RSV มักระบาดมากในช่วงปลายฤดูฝนต้นฤดูหนาว เด็กที่ป่วยจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดา มีน้ำมูก ไข้ ไอ จาม พ่อแม่จึงต้องคอยสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากมีอาการคล้ายปอดอักเสบร่วมด้วยควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาต่อไป
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื้อไวรัส RSV เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ เชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายผ่านทางการไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะจากผู้ติดเชื้อไวรัส โดยเชื้อ RSV สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยผ่านทางเยื่อบุตา จมูก ปาก หรือผ่านทางการสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ ซึ่งการติดเชื้อดังกล่าวมักพบในเด็กเล็กซึ่งเป็นวัยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงและเด็กที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทารกคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น หากมีอาการไอ มีเสมหะจำนวนมาก หายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงหวีด ซึ่งเป็นลักษณะอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าหลอดลมตีบ หรือหลอดลมฝอยอักเสบ ในบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการถึงขั้นตัวเขียวซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส RSVการรักษาจึงเป็นรักษาตามอาการเท่านั้น ผู้ปกครองสามารถลดความเสี่ยงและป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ได้โดยดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการติดต่อทางการสัมผัส ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในที่แออัดหรือในบริเวณสาธารณะ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ ให้เด็กดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อลดภาวะขาดน้ำและช่วยขับเสมหะ แต่ถ้าหากเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่หย่านม สามารถให้เด็กดูดนมได้มากที่สุดตามต้องการแยกอุปกรณ์และภาชนะต่างๆของเด็กไม่ควรใช้ร่วมกัน
ขอบคุณข้อมูล : กรมการแพทย์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1087 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 พ.ย. 63
เวลา 13:23:57
|