กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นักวิชาการแนะประชาชนจับตาการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมนักการเมืองหลังเลือกตั้ง ระบุการปรับแก้รัฐธรรมนูญมีแน่โดยเฉพาะบัญญัติที่สร้างผลลบกับขั้วเก่า ด้านบรรยากาศควันหลงเลือกตั้งเชียงใหม่ กกต.จังหวัดฉลองชัยคนใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ 83.20 % แม้แพ้ลำพูนที่คว้าที่ 1 ของประเทศ
เมื่อวันที่ 24 ธ.นี้หลังจากที่ผลการเลือกตั้งไม่เป็นทางการออกมาในพื้นที่เชียงใหม่ปรากฏว่าผู้สมัครพรรคพลังประชาชนหรือกลุ่มไทยรักไทยเก่าคว้าเก้าอี้ไป 9 ที่นั่งและมีเพื่อแผ่นดินและรวมใจไทยชาติพัฒนาแบ่งไปพรรคละ 1 อีกทั้งสร้างประวัติศาสตร์เชียงใหม่ใช้สิทธิสูงสุดเท่าที่เคยเลือกตั้งมาเป็นประวัติการ 83.20 % นั้น ก่อนหน้าทางคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดทำผลสำรวจการออกเสียงเลือกตั้งหรือเอ็กซิทโพลล์ในเขต 1 พร้อมแถลงผลที่ได้รับวันเดียวกัน โดยดร.จันทนา สุทธิจารี ประธานสาขาการเมืองและการปกครองหัวหน้าทีมทำแบบสำรวจครั้งนี้พร้อมด้วย รศ.ไพรัช ตระการศิรินนท์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ฯ ได้แถลงว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 921 คนในพื้นที่เขต 1 อำเภอเมืองผู้มีสิทธิมีการให้เหตุผลคล้องกันคือเลือกผู้สมัครที่มีนโยบายดี 36.5 % ขณะที่แบบสัดส่วนชอบนโยบายเป็น 21.6 % โดยร้อยละ 76.4 เชื่อว่า ไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้น
ทั้งนี้มองกันว่า หลังเลือกตั้งการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพถึงร้อยละ 41.3 ในขณะที่เห็นว่ายังวุ่นวายต่อไปอีกร้อยละ 33 ใกล้เคียงกัน โดยผลการเลือกดังนั้นสะท้อนชัดเจนว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างเลือกขั้วชัดเจนคือมีการเลือกพรรคและผู้สมัครจากพรรคพลังประชาชน 45.7 พรรคประชาธิปัตย์ 28.7 ที่เหลือกระจายเป็นพรรคอื่นและไม่ออกเสียงเลือก โดยอำเภอเมืองเลือกผู้สมัคร พปช.หมายเลข 19 มากสุด
สำหรับอำเภอสันกำแพง กลุ่มตัวอย่าง 380 ราย เลือกผู้สมัครและพรรค พปช.มากสุดเช่นกัน โดยชอบนโยบายของผู้สมัครร้อยละ 34.2 นโยบายพรรคร้อยละ 45 โดยร้อยละ 75 ชี้ว่าไม่มีการซื้อเสียงและหลังเลือกตั้งเหตุการณ์การเมืองไทยสงบมีเสถียรภาพร้อยละ 39.7 ยังวุ่นวายต่อไปร้อยละ 26.1 โดยอำเภอสันกำแพงเลือก พปช.ร้อยละ 55.8 ด้านอำเภอสารภีใช้สิทธิเลือกผู้สมัครโดยชอบนโยบายร้อยละ 39.6 ชอบนโยบายพรรคร้อยละ 50 ร้อยละ 76.5 เชื่อไม่มีขายเสียงและเหตุการณ์เมืองจะมีเสถียรภาพหลังเลือกตั้งครั้งนี้ร้อยละ 38.6 ยังวุ่นวายร้อยละ 31.2 ทั้งนี้มีการเลือกผู้สมัครพรรค พปช.มากสุดและคิดเป็นร้อยละ 50.8
ดร.จันทนากล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าเกือบ 100 % ประชาชนที่ใช้สิทธิตอบตรงกันว่าไม่มีการซื้อเสียงเกิดขึ้นซึ่งแปลกมาก ในขณะที่ข่าวกลับออกมาว่ากระแสการใช้เงินมีสูงแสดงให้เห็นว่ามีอะไรที่สะท้อนให้คิดอีกมาก นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยหลายอย่างที่สร้างแนวคิดการเมืองไทยที่เกิดขึ้นด้วยในเชิงของรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง เพราะในรายละเอียดที่สะท้อนจากกลุ่มตัวอย่างทำให้เกิดพัฒนาการทางการเมืองและการตื่นตัวของประชาชนที่มีคำตอบและเหตุผลที่บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับทางวิชาการหรือแนวทางที่หลายคนคาดเดาไว้
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ในวงวิชาการมีการสะท้อนภาพรวมของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อการรัฐประหารที่ผ่านมาว่า ไม่ได้เกิดผลในทางตรงข้ามหรือตามกระแสแต่อย่างใด ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าประชาชนพอใจหรือชอบชื่นชมในการเมืองในลักษณะประชานิยมมากกว่าระยะยาว รวมทั้งดูความพอดีของการเข้ามาของการรัฐประหาร อีกทั้งมีการมองเปรียบเทียบเชิงสั้นที่ไม่ได้อิงเหตุการณ์ภาพรวมของปัจจัยภายนอกด้วย เช่นเหตุผลว่า เศรษฐกิจช่วงรัฐบาลก่อนดีกว่ารัฐบาลรัฐประหาร นโยบายต่างๆ ก็ดีกว่า การเข้ามาก็ไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ชัดเจน ทำให้ถูกมองเป็นการกลั่นแกล้งมากกว่า
นอกจากนี้แล้วคณบดีคณะรัฐศาสตร์ฯ ให้ความเห็นสอดคล้องกับนักรัฐศาสตร์และการเมืองหลายคนที่วิเคราะห์กันว่า จากนี้ไปหากพรรคพลังประชาชนคือแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปฏิกิริยาหรือเป้าหมายเชิงนิติบัญญัติจะมีการเปลี่ยนแปลงมากโดยเฉพาะกฎหมายที่มีผลลบต่อขั้วอำนาจเก่า โดยสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายแม่ใหญ่เพราะเป็นเป้าประสงค์สำคัญ ส่วนประเด็นเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือผลพลอยได้ในภาพสถานการณ์มากกว่า เพราะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมไม่เกี่ยวการเมือง
ทั้งนี้ในส่วนของ กกต.จังหวัดเชียงใหม่นั้นนายพงษ์พันธ์ ริ้วทองทวี ผอ.กต.เชียงใหม่กล่าวว่า ขณะนี้ทุกอย่างก็ถือว่าเกือบแล้วเสร็จและตนจะนำผลไม่เป็นทางการรายงาน กกต.กลางเพื่อรับรองผลต่อไป ตอนนี้ยังไม่มีร้องเรียนเหตุผิดปกติยกเว้นรายเดียวที่เขต 4 จะขอตรวจนับคะแนนใหม่ แต่ก็พิจารณาเหตุสมควรแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไรซึ่งต้องพิจารณาให้เหตุผลที่ชัดเจนอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร แต่ที่ชาวเชียงใหม่ออกมาใช้สิทธิครั้งนี้ถือว่ามากเป็นประวัติการณ์ที่มีกว่า 83.20 % แม้จะลุ้นที่ 1 ของประเทศระยะแรกแต่ลำพูนทำได้ที่ 88 % ก็ไม่เป็นไรถือว่าทุกอย่างสำเร็จเกินเป้าหมายและเชื่อว่าจะเป็นมาตรฐานของชาวเชียงใหม่ว่าตื่นตัวการเมืองสูงและต้นปีหน้าก็จะมีเลือกตั้ง ส.ว.อีกครั้ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลงานของทุกส่วนที่ได้ร่วมมือกันแสดงความบริสุทธิใจออกมาอย่างมากมาย
ขณะเดียวกันทางด้าน จ.แพร่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่ นายประยูร จักรพัทรกุล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของจังหวัดแพร่ เรียงลำดับคะแนนสูงสุดประกอบด้วย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ได้ 174,306 คะแนน อันดับ 2 นายแพทย์นิยม วิวรรธนดิษฐกุล ได้ 168,372 คะแนน และอันดับ 3 นางปานหทัย เสรีรักษ์ ได้ 164,795 คะแนน ส่วนนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนน 59,548 คะแนนนั้น
ทั้งนี้ ภายหลังการเลือกตั้งพบว่ามีการร้องเรียนที่มีหลักฐานและสามารถนำสืบได้ทั้งสิ้น 6 เรื่อง บางส่วนสรุปสำนวนส่ง กกต.กลางไปแล้ว และยังเหลืออยู่กำลังเร่งดำเนินการ ซึ่งต้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ถ้าไม่สามารถทำได้ทัน 1 เดือนจะต้องประกาศรับรองการเลือกตั้งไปก่อน และทำการสืบส่วนต่อไป ซึ่งคาดว่าจังหวัดแพร่จะสามารถสรุปประเด็นการร้องเรียนได้ทันเวลา สำหรับเรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเสียง และการกล่าวหาหรือให้สัมภาษณ์ของผู้สมัครบางรายที่ไปกล่าวหาผู้สมัครรายอื่นผ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจำนวน 3 ฉบับ รวมทั้งการนำพวงหรีดไปร่วมงานศพของผู้สมัครบางรายด้วย.
ที่มา ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|