• เปรียบเทียบอาการไม่พึงประสงค์ วัคซีน Sinovac กับ AstraZeneca ต่างกันชัดเจน |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 11 มิ.ย. 64 เวลา 16:11:33 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้

เปรียบเทียบอาการไม่พึงประสงค์ วัคซีน Sinovac กับ AstraZeneca ต่างกันชัดเจน
1) ในช่วงต้นการฉีดวัคซีน วัคซีนที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็น Sinovac และในผู้สูงอายุ จะใช้ AStraZeneca
ขณะนี้การใช้วัคซีนส่วนใหญ่ จะเป็น AstraZeneca เป็นหลักและจะต้องมีการใช้ต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก
• ผลการศึกษา การฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ในทุกอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป พบว่า
- วัคซีน Sinovac มีอาการข้างเคียง น้อยกว่า AstraZeneca โดยเฉพาะในเรื่องไข้ ปวดบริเวณที่ฉีด อาการปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดศีรษะ
- วัคซีน AstraZeneca จะพบว่าอายุน้อย มากกว่าผู้สูงอายุ และผู้หญิงจะมีอาการมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเมื่อดูอาการข้างเคียงเปรียบเทียบกับวัคซีนที่ฉีดในต่างประเทศโดยเฉพาะวัคซีนในกลุ่ม mRNA แล้วไม่ต่างกันเลย
• วัคซีน Sinovac อาการข้างเคียงดังกล่าวน้อยกว่ามาก
2) ผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ถ้ามีไข้หรือปวดศีรษะ ท้องเสียอาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายไข้หวัดใหญ่ ถือเป็นอาการที่พบได้ หลังการฉีดวัคซีน
• ดังนั้น หลังฉีดเมื่อกลับไปถึงบ้านถ้ามีอาการดังกล่าว รับประทานยาพาราเซตามอลได้เลย ไม่ต้องรอให้ไข้ขึ้นสูง หรือปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว และสามารถทานซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง อาการดังกล่าวจะอยู่ประมาณ 1-2 วัน ก็จะหายเป็นปกติ
• กรณีอาการมาก เช่นไข้สูงติดต่อกันหลายวัน หรือสูงมาก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และรับประทานยาแล้วไม่หาย ก็ควรจะปรึกษาแพทย์
3) ขอสร้างความเข้าใจ เพื่อจะได้ไม่เกิดวิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนในกลุ่ม virus Vector หรือ mRNA วัคซีนจะมีอาการข้างเคียงได้มากกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย ตามหลักฐานเชิงประจักษ์
4) ผลการศึกษาในการวิจัยทางคลินิก เดิมระยะห่างการให้วัคซีน AstraZeneca อยู่ที่ 4 สัปดาห์ เมื่อทำการศึกษาระยะที่ 3 ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 ครั้ง ห่างกันมากกว่า 6 สัปดาห์ ถึง 12 สัปดาห์ ได้ผลภูมิต้านทาน และประสิทธิภาพดีกว่าผู้ที่ได้รับห่างกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์
• การใช้จริงที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่มีโรคระบาดมาก และวัคซีนไม่เพียงพอ อังกฤษจึงยืดระยะห่างของการให้วัคซีนเข็มที่ 2 ออกไปอีกถึง 16 สัปดาห์ เพื่อให้ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเข็มแรกให้มากที่สุด และได้ปูพรมเข็มแรกได้กว้างที่สุดเพื่อระงับการระบาด
• ผลการศึกษาในสกอตแลนด์ พบว่า การให้ AstraZeneca เพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพถึง 80% การให้เข็มที่ 2 จะเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เห็นว่าเข็ม 2 เพิ่มประสิทธิภาพก็จริง ถ้าเปรียบเทียบกับการปูพรมเข็มแรกให้มากที่สุดแล้วค่อยเติมเข็ม 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าในการควบคุมการระบาดของโรค
• หลักของวัคซีน การทิ้งระยะห่าง ยิ่งห่างนาน ก็จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีกว่า
ดังนั้นประเทศไทยอยู่ในช่วงการระบาดขาขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในการควบคุมโรคให้เร็วที่สุด จำเป็นที่จะต้องให้ AstraZeneca วัคซีนปูพรมในแนวกว้างให้มากที่สุดก่อน ต้องระดมทรัพยากรทั้งหมดรวมทั้งวัคซีนมาใช้ในการให้วัคซีนเข็มแรกภายใน 16 สัปดาห์ ประชากรส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็จะได้วัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม แล้วค่อยไปเติมเข็มที่ 2 ภูมิจะสูงขึ้นและอยู่นาน
ที่มา :นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ (ที่ปรึกษาระดับกระทรวง รก.11 หน้าสำนักวิชาการสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข)
https://www.facebook.com/100069005689508/posts/109588628017993/?d=n ขอบคุณข้อมูล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1108 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 11 มิ.ย. 64
เวลา 16:11:33
|