กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ปฏิบัติการ เปิดทะเลหมอก กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวต่างชาติ เช่า 6 รีสอร์ท บ้านรักษ์ไทย จ.แม่ฮ่องสอน ผู้ต้องหา 53 ราย
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการที่ ๑ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการ “เปิดทะเลหมอก” ซึ่งสามารถกวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวต่างชาติ รวมกว่า 53 ราย
โดย พล.ต.ต.จิรภพ ระบุว่า กองบังคับการปราบปราม ได้รับเเจ้งเบาะเเสว่ามีกลุ่มคนต่างด้าวจำนวนมาก คาดว่าน่าจะหลบหนี เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย มาพักอาศัยกระจายอยู่ในรีสอร์ทต่างๆ ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โดยกลุ่มคนดังกล่าวมีการจับกลุ่ม มั่วสุมทำกิจกรรมน่าสงสัย ก่อความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ประกอบกับมีความกังวลเรื่องการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้คนในพื้นที่เกรงว่าอาจจะมีการนำพาเชื้อไวรัส COVID-19 เข้ามาแพร่กระจายให้กับคนในหมู่บ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม จึงได้ทำการสืบสวนกรณีดังกล่าวโดยละเอียด ใช้เวลากว่า 1 เดือน จนทราบว่ากลุ่มคนต่างด้าวที่ต้องสงสัยว่าหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายนั้น มีจำนวนประมาณ 60-80 คน ได้ทำการเช่าเหมาทั้งรีสอร์ท โดยห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปในบริเวณรีสอร์ท ดังกล่าว มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต้องสงสัย คล้ายร่วมกันประกอบอาชีพบางอย่าง มีการประชุมแจกแจงหน้าที่ในการทำงาน และใช้โทรศัพท์ในห้องประชุมพร้อมๆ กันจํานวนหลายคน ลักษณะคล้ายพฤติกรรมของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบอีกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ มีการว่าจ้างคนในพื้นที่ให้คุ้มครองความปลอดภัย ลักษณะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อทำการตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 6 เป้าหมาย ในพื้นที่หมู่บ้านรักษ์ไทย หมู่ที่ 6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
โดยในวันที่ 20 มิถุนายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปราม และชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานร่วมกับ เจ้าหน้าที่ บก.ปอท., หน่วย ฉก.ร.7, สตม.5 และ สภ.หมอกจำแป่ ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน 6 จุด สามารถ จับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมด 53 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาชาว จีน 40 ราย,ชาว เมียนมา 12 ราย และ ชาว ฟิลิปปินส์ 1 ราย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, ซิมโทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์สำหรับปลอมหนังสือเดินทางของจีน และสิ่งของซึ่งได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด รวมกว่า 500 รายการ
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ในส่วนนายเชินจือ สัญชาติจีน ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด” จำนวน 1 ราย
โดยในเบื้องต้นจากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้นำคนจีนหลบหนีเข้ามาในพรมแดนธรรมชาติ และ รวมตัวกันสร้างกลุ่มเพื่อหลอกลวงเหยื่อซึ่งเป็นคนจีน โดยการสร้างโปรไฟล์ปลอมขึ้นมา หลอกให้เหยื่อหลงเชื่อว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล สร้างความน่าเชื่อถือ และพูดคุย ชักชวนเหยื่อให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าว โดยผ่านแอพพลิเคชั่นที่กลุ่มผู้ต้องหาสร้างขึ้นมาเอง
นอกจากนี้ในระหว่างตรวจค้นยังพบว่านายเจีย ฟู (สัญชาติจีน) อายุ 22 ปี ได้ครอบ ครองบุหรี่ไม่ติดอากรสแตมป์ จำนวนกว่า 9,400 มวน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐาน “มียาสูบที่ไม่ได้ปิดอากรสแตมป์ไว้ในความครอบครองเกินกว่า 500 กรัม โดยไม่ได้รับอนุญาต” และตรวจค้นพบไพ่ จำนวน 55 สำรับ (จำนวน 2,970 ใบ) วางอยู่บนโต๊ะในห้องพักภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง บริเวณ ม.6 ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นห้องพักของนายลิมฯ (สัญชาติฟิลิปปินส์) อายุ 39 ปี จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “มี ไพ่ซึ่งมิใช่ที่กรมสรรพสามิตทำขึ้น ไว้ในความครอบครองเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบใบ หรือมีไพ่ซึ่งมิใช่ที่มีตรากรมสรรพสามิตได้กำหนดขึ้นประทับไว้อยู่ในความครอบครองเกินกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบใบ” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หมอกจำแป่ ดำเนินคดีกฎหมายต่อไป
ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าว หลบหนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางชายแดนทางภาคเหนือและภาคอีสาน จากนั้นเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย โดยไม่ผ่านขั้นตอนการตรวจลงตราตามกฎหมาย จากนั้นมารวมกลุ่มกันทำงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์ มีการวางแผนสร้างโปรไฟล์ออนไลน์ หลอกลวงเหยื่อโดยใช้ลักษณะที่เป็นบุคคลหน้าตาดี มีฐานะร่ำรวย จากนั้นจะชักชวนเหยื่อโดยการพูดคุยผ่านทางแอพลิเคชั่นต่างๆ ในลักษณะชักชวนเล่นพนันออนไลน์, โรแมนซ์สแกม หรือหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ
ซึ่งกองบังคับการปราบปรามจะได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
ที่มา : สวท.แม่ฮ่องสอน
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|