• กรมการแพทย์เตือน ความเครียด และสภาวะกดดันหนัก เป็นเหตุให้เกิดอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น(หายใจเร็วเกินไป ชาปลายมือปลายเท้า หรือมือเท้าจีบเกร็ง) |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 11 ส.ค. 64 เวลา 15:23:35 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กรมการแพทย์เตือน ความเครียด และสภาวะกดดันหนัก เป็นเหตุให้เกิดอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น(หายใจเร็วเกินไป ชาปลายมือปลายเท้า หรือมือเท้าจีบเกร็ง)
กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผย กลุ่มอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น(Hyperventilation Syndrome) เกิดจากภาวะเครียด วิตกกังวล หรือกดดันหนักมากเกินไป ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจเร็วเกินไป (Hyperventilation) อาจจะทำให้รู้สึกหายใจลำบาก ชาปลายมือปลายเท้า หรือมือเท้าจีบเกร็ง แต่ไม่รุนแรงจนเป็นอันตราย
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลปั อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ในปัจจุบันที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคม ทำให้หลายคนมีภาวะเครียด และส่งผลระทบทางด้านร่างกาย เช่น ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ แต่อีกหนึ่งอาการทางกายทีเกิดขึ้นได้บ่อยแต่ไม่ค่อยเป็นรู้จัก เป็นอาการไม่สบายที่เกิดจากความเครียด คือกลุ่มอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น (Hyperventilation
Syndrome) มักเกิดเป็นอาการทำให้ผู้ป่วยต้องเดินทางไปรับบริกรฉุกเฉินอยู่เสมอ
นอกจากนั้นยังสร้างความกังวลใจต่อครอบครัวและคนรอบข้างไม่เข้าใจ ในสภาวะของโรค อาจจะนำไปสู่ปัญหาด้านคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตภายในครอบครัว และอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถบันประสทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า การหายใจลึกและเร็ว เกินกว่าความต้องการของร่างกาย ทำให้กิดการขับออกของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางลมหายใจเพิ่มมากขึ้น จนเป็นเหตุให้เกิดภาวะความเป็นด่างในเลือดเพิ่มขึ้น จึงทำให้เกิดอาการรู้สึกหายไม่สะดวก แน่นหน้าอก ชาตามร่างกายโดยเฉพาะริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้า มือเท้าจีบเกร็ง แต่จะไม่ทำให้เกิดอากรรุนแรงถึงขั้นอัมพาต มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย พบมากในผู้ที่มีจิตใจไม่มันคง บุคลิกภาพไม่แข็งแรงหรือไม่หนักแน่น เมื่อมีเรื่องตกใจ ขัดใจ โมโห ฉุนเฉียว ก็จะเกิดอาการกำเริบได้ทันที ซึ่งการรักษาโดยทั่วไปมักเป็นการให้ผู้ป่วยหายใจให้ช้าลง หรือให้หายใจในวัสดุอุปกรณ์ที่ครอบปิคปากและจมูก เช่น กรวยกระดาษ การให้ความมั่นใจว่าอาการป่วยนี้เกิดจากความเครียด ไม่ใช่อาการของโรคหัวใจหรีอโรคทางกายอื่นๆ และไม่มีอันตรายถึงชีวิตหากยังไม่ทุเลาอาจจะมีการให้ยาคลายกังวลแก่ผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยและญาติอาจจะรู้สึกตกใจ โดยความตกใจของผู้ป่วยและญาตินั้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบหรือเป็นยาวนานขึ้น สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหายใจเร็วเกินไป เมื่อเกิดอาการควรตั้งสติไม่ตกใจต่ออาการที่เกิดขึ้น เพราะอาการไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง พยายามควบคุมการหายใจให้ช้าลง ถ้าไม่สามารถพยายามให้หายใจช้ลงได้ อาจใช้ถุงกระดาษหรือพับกรวยกระดาษครอบปากและจมูกไว้ เพื่อให้ก๊ซคาร์บอนไตออกไซค์กลับคืนสู่กระแสเลือด ช่วยให้ภาวะกรดด่างคืนสู่สมดุล ญาติหรือผู้ใกล้ชิดต้องลดความตกใจ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย และต้องเข้าใจว่าผู้ป่วยไม่ได้แกล้งทำ ตัวผู้ป่วยต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งของสุขภาพจิต ฝึกการเผชิญปัญหาต่าง ๆ ฝึกวิธีกรหายใจและการผ่อนคลาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ฟักผ่อนให้เพียงพอ
หากมีอาการบ่อย ๆ หรือเป็นมากขึ้น อาจจะต้องปรึกษจิตแพทย์ เพื่อพิจารณากระบวนการกษาทั้งการให้ยาและการทำจิตบำบัด ซึ่งในบางครั้งอาจจะต้องทำการรักษาแบบกลุ่มหรือครอบครัวบำบัดร่วมด้วย
ที่มา : กรมการแพทย์*
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1036 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 11 ส.ค. 64
เวลา 15:23:35
|