• 10 ข่าวเด่นแห่งปี |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 30 ธ.ค. 50 เวลา 11:39:22 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ปี 2550 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ถือเป็นปีที่มีเหตุการณ์ต่างๆที่น่าจดจำเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะดีและร้าย ลองมาเตือนความทรงจำกันหน่อยดีกว่า ว่าในรอบปีนี้มีอะไรสำคัญๆกันบ้าง
ปีมหามงคล 80 พรรษามหาราชา
ปีนี้คงไม่มีข่าวอะไรที่น่าภาคภูมิใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว สำหรับชาวไทยทุกคน
ในโอกาสนี้ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย
ทั้งการพร้อมใจกันใส่เสื่อสีเหลืองในวันจันทร์ตลอดทั้งปี โดยในปีนี้เพิ่มมาอีกหนึ่ง สีคือสีชมพู ซึ่งแสดงถึงความสามัคคีและความจงรักภัคดีของปวงชนชาวไทย
การแสดงกระบวนพยุหยาตราฯ ที่เมื่อดูครั้งใดก็สวยงาม ติดตราตรึงใจ
การจัดแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติ ที่งดงามและยิ่งใหญ่กว่าครั้งไหนๆ
การเผยแพร่รายการสารคดีเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามสื่อต่างๆ
ฯลฯ
ทั้งนี้ จากผลสำรวจของโพลล์ต่างๆ พบว่า ความสุขมวลรวมของคนไทยนั้น เพิ่มขึ้นสูงสุดในทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติต่างๆ และคนไทยมีความสุขที่สุดในช่วงปีมหามงคล
ดังนั้น ข่าวนี้จึงเป็นข่าวดีที่สุดของคนไทย ไม่ใช่เฉพาะในปี้นี้ แต่จะต่อเนื่องตลอดไป
ทรงพระเจริญ
นํ้ามันแพง คุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ
ข่าวการขึ้นราคานํ้ามันอยากต่อเนื่องแบบทำสถิติรายวัน ถือเป็นข่าวใหญ่มากของปี้นี้ เพราะได้สร้างผลกระทบที่ขยายเป็นวงกว้างมากมาย
เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ นํ้ามันทำลายสถิติเกิน 30 บาทเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย
หลังจากนั้นในช่วงเดือนกว่าๆ นํ้ามันก็ยังคงเดินหน้าขึ้นราคาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
จนมีคำกล่าวขานว่า ยุคนํ้ามัน 3 ลิตร 100
ผลกระทบจากราคานํ้ามัน นอกจากผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวแล้ว แม้แต่ผู้ที่นั่งรถเมล์ นั่งเรือ นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้าง นั่งรถตู้ นั่งแท็กซี่ ก็ได้รับผลกระทบ เพราะที่กล่าวมาทั้งหมดได้ปรับขึ้นค่าโดยสารกันถ้วนหน้า
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าปัจจัยพื้นฐานต่างๆที่เตรียมปรับขึ้นราคาในปีใหม่ที่จะถึงนี้ ทั้งมาม่า นม ปลากระป๋อง นํ้ามันพืช ฯ
ข่าวนํ้ามันแพง จึงเป็นอีกข่าวหนึ่ง ที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ได้อย่างดี
จตุคามรามเทพ กระแสที่มาแรงและไปเร็วที่สุดแห่งยุค
เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งของสังคมไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมเพียงข้ามคืน
จุดเริ่มต้นกระแสนี้มาจาก การเสียชีวิตของพล.ต.ต. ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช ที่เป็นผู้สร้างจัดสร้างจตุคามรามเทพ
ตั้งแต่ปี 2529 โดยครั้งนั้น เพื่อนำรายได้มาจัดสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช
ในพิธีศพของ ขุนพัน มีการแจกจตุคามรามเทพ โดยมีผู้ที่มาร่วมงานหลายหมื่นคนเบียดเสียดกันเข้าไปแย่งกันจนมีทั้งเหตุเป็นลม เหยียบกัน
หลังจากนั้นจากการโหมรายงานตามสื่อต่างๆ ผู้คนต่างแห่แหนกันมาจับจอง และหาจตุคามรามเทพมาไว้บูชา
ชื่อของจตุคามรามเทพรุ่นต่างๆติดหูเราๆท่านๆ แม้จะไม่ได้ตั้งใจศึกษาหรือสนใจก็ตาม
ถนนทุกสายมุ่งสู่จังหวัดนครศรีะรรมราช
เกิดเหตุการณ์ต่างๆเกี่ยวกับพระและวัดที่จัดสร้างจตุคามรามเทพ วงการศาสนาพุทธสั่นสะเทือน
ท้องถนนทั่วไป ประชาชนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ไม่ว่าชายหรือหญิง ต่างพากันแขวนจตุคามรามเทพ
เม็ดเงินที่เกี่ยวข้องกับวัตถุมงคลชนิดนี้ ในขณะนั้น ว่ากันว่าสูงถึงหมื่นล้านบาท ซึ่งสวนกระแสกับสภาพเศรษฐกิจในตอนนั้น
บางคนกล่าวว่า เป็น จตุคาม ช่วยชาติ
กระนั้น ไม่นานนัก กระแสจตุคามฟีเวอร์ ก็ลดลงไป รวดเร็วอย่างหน้าใจหาย คงเหลือไว้แต่วัตถุทรงจำในบ้านเรือนของผู้คน
จตุคามรามเทพถือเป็นข่าวเด่นในปีนี้ เพราะเป็นข่าวที่มีสะท้อนสภาพสังคม ความเชื่อของผู้คน และพิสูจน์ศรัทธาของชาวพุทธได้อย่างดี
หลวงพ่อปัญญา มรณภาพ
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พุทธศาสนิกชนต้องสูญเสียพระผู้ใหญ่ไปอีกรูป เมื่อพระธรรมโกศาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี มรณภาพ จากอาการปอดอักเสบ ไตวายเฉียบพลัน
รวมอายุของหลวงพ่อ 97 ปี 77 พรรษา
หลวงพ่อปัญญาเป็น "สามสหายธรรม" ร่วมกับท่านพุทธทาส แห่งสวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี และท่านบ.ช.เขมาภิรัต(พระราชญาณกวี อดีตเจ้าคณะจังหวัดชุมพร)
ท่านเป็นพระที่เด่นในด้านการสอนให้เข้าถึงธรรมโดยใช้ปัญญาพิจารณา และเทศนาต่อต้านมารร้ายที่หากินกับศาสนาโดยใช้พิธี กรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดคนเข้าวัด เซึ่งเป็นสิ่งที่ให้ชาวพุทธส่วนใหญ่งมงาย หลงทาง จนคิดว่าสิ่งนั้นเป็นของพุทธศาสนา
ท่านเป็นพระที่ทำงานหนักมาก แม้ว่าสังขารจะไม่เอื้ออำนวย แต่ท่านก็สู้มาโดยตลอด โดยที่ไม่ยอมพัก เพราะท่านมีความสุขกับการได้ทำงาน
“งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก มีความสุขกับการทำงาน” นั้นคือคำสอนของท่าน ที่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน
ความหวังสูงสุดของหลวงพ่อคือการสร้างอุโบสถกลางนํ้าให้สำเร็จ โดยหลังให้เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ธรรมมะ
น่าเสียดายที่หลวงพ่อด่วนจากไปพร้อมกับภารกิจสุดท้าย กระนั้นการจากไปของท่านก็ได้สร้างจิตศรัทธาให้เกิดขึ้น ทำให้ปัจจัยต่างๆไหลเข้ามาช่วยเหลือในการดำเนินการสร้างอุโบสถกลางนํ้าให้สำเร็จ ไม่นานเกินรอ ความหวังสุดท้ายของหลวงพ่อปัญญาจะบรรลุผล
แม้หลวงพ่อปัญญาจะละสังขารไปแล้ว แต่ที่ยังคงอยู่ตลอดไป คืองานและคำสอนที่ท่านได้ฝากไว้ให้กับชาวพุทธทุกคน
ระเบิดดัง คดีเงียบ
รอยต่อช่วงปลายปี 2549 ถึงวันแรกของปีปี 2550 เกิดเหตุการณ์รุนแรงตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เวลาประมาณ 6 โมงเย็น วันที่ 31 ธ.ค. 2549 เกิดระเบิดหลายจุดไล่เลี่ยกันในกทม. จุดแรกป้ายรถเมล์อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ ฝั่งวิคตอรี่พอยต์ มีผู้เสียชีวิต 1 คน จุดที่ 2 หน้าร้านจุ่นซีดี ติดศาลเจ้าพ่อเสือ ตลาดคลองเตย มีผู้เสียชีวิต 1 คน จุดที่ 3 ป้อมตำรวจ แยกสะพานควาย จุดที่ 4 ป้อมตำรวจปากซอยสุขุมวิท 62 พระโขนง จุดที่ 5 พบระเบิดตั้งเวลาซุกถังขยะลานจอดรถศูนย์การค้าซีคอน สแควร์ นอกจากนี้ยังมีที่จ.นนทบุรี คนร้ายลอบวางบึ้มข้างป้อมตำรวจจราจรแยกแคราย ทำให้ ตำรวจจราจรบาดเจ็บ
ต่อมา หลังเกิดเหตุผู้เกี่ยวข้องสั่งยกเลิกจัดงาน "เคานต์ดาวน์" นับถอยหลังขึ้นปีใหม่ 2007 ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ และสนามหลวงทันที
หลังเที่ยงคืน เกิดเหตุระเบิดอีกลูกที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าห้างเกษรพลาซ่า ใกล้แยกราชประสงค์ และลานเบียร์สดร้านเบสต์ซีฟู้ด ริมคลองแสนแสบใกล้ท่าเรือประตูน้ำ ทั้ง 2 จุด อยู่ตรงข้ามกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่กทม.สั่งยกเลิกจัดงานเคานต์ดาวน์ไปหมาดๆ มีคนเจ็บ 5 ราย เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย
นอกจากนี้ ยังมีระเบิดที่ทั้งระเบิดจริง ไม่ระเบิดอีกมากมายในปีนี้ ทั้งระเบิดที่ตู้โทรศัพท์ ใกล้ที่ทำการกองทัพบก ระเบิดที่ทำการพรรคพลังประชาชน ระเบิดบ้านผู้สมัครสส. วัตถุต้องสงสัยหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย ฯ
ไม่น่าเชื่อว่าคดีระเบิดทั้งหมดนี้ ยังไม่มีคดีไหนสังคดีที่หาสาเหตุ ที่มาหรือจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้เลย
ข่าวการระเบิดจึงเป็นข่าวดัง แล้วเงียบที่สุดในปีนี้
อย่างไรก็ตาม หวังว่าปีหน้าคงจะไม่มีข่าวเสียงดังๆแบบนี้ให้คนไทยได้ยินอีก
โศกนาฏกรรมวันทูโก กับความปลอดภัยของโลวคอสต์แอร์ไลน์
ถือเป็นเหตุการณ์ที่ช็อคทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เมื่อในวันที่ 16 กันยายน สายการบินวัน ทู โก เที่ยวบิน 269 นำผู้โดยสารชาวไทย 67 คน และชาวต่างชาติ 56 คน จากท่าอากาศยานดอนเมือง ขณะร่อนลงจอดท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์ เครื่องระเบิดเกิดไฟไหม้
มีผู้เสียชีวิตเกือบ 90 ราย เป็นชาวต่างชาติ 55 ราย คนไทย 34 ราย รวมทั้งกัปตันและนักบินทั้ง 2 คน และยังมีผู้บาดเจ็บ 41 ราย เป็นชาวต่างชาติ 24 ราย คนไทย 17 ราย ลูกเรือรอดชีวิต 2 ราย จากทั้งหมด 5 ราย
จะด้วยความผิดพลาดประการใดก็ตาม แต่เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมทางอากาศของไทย และลดความน่าเชื่อถือของสานการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ไปพักหนึ่ง
ขณะที่ก็มีสื่อต่างๆออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสายการบินต้นทุนตํ่าออกมา รวมถึงวิเคราะห์ถึงความปลอดภัยในการใช้บริการ
ดังนั้น กว่าจะเรียกความเชื่อมั่นของผู้โดยสารกลับมา สายการบินหลายแห่งคงต้องทำงานหนัก และใช้เวลาพอสมควร
ที่แน่ๆข่าวนี้อาจทำให้หลายคนกลัวการใช้บริการเครื่องบินไปอีกนาน
ยุทรการปล้นแหลก
จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกตํ่า ทำให้ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่เกิดคดีอาชญากรรมมากที่สุด โดยเฉพาะคดีปล้น ที่สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก
สี่สถานที่ที่ถูกปล้นบ่อยที่สุดในปีนี้ได้แก่
ธนาคาร ใครจะไปคิดว่าในยุดนี้แล้ว ยังมีโจรอุกอาจ บุกเดี่ยวเข้าไปปล้นธนาคารเหมือนในหนัง แม้ว่าจะมีเบาะแสมากมาย แต่บางคดีคนร้ายกลับหอบเงินหนีลอยนวล
รถขนเงิน เป็นอีกแหล่งเป้าหมายของโจรหัวใส ที่ต้องการปล้นครั้งเดียวแต่ได้เงินมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนในด้วยกันเอง ดีหน่อยที่เงินจำนวนมากทำให้หลายคดีสามารถตามจับกุมผู้ร้ายได้
ร้านทอง กับความถี่และความเสียหาย ถือว่าการปล้นร้านทองในปีนี้เกิดขึ้นบ่อย และท้าทายกฏหมายอย่างมาก แม้ว่าแทบทุกร้านจะติดกล้องวงจรปิด แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก น้อยคดีที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ เจ้าของร้านต้องหันมาหัดใช้ปืนหรือติดลูกกรงในร้านแทน
ร้านสะดวกซื้อ กลายเป็นร้านสะดวกปล้นไปแล้ว กับสโลแกนเปิด 24 ชม. ทำให้โจรสามารถเลือกเวลาที่ปลอดคน ปลอดตำรวจ ทำการปล้นได้ตลอด ระยะหลังนี้เกิดขึ้นบ่อยจนผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ ต้องจัดอบรมให้พนักงานรับมือเมื่อถูกปล้นกันแล้ว
นอกจากนี้ยังมีรายยิบย่อยปล้นรายทาง ปล้นบ้านอีกมากมาย
ข่าวนี้สะท้อนอะไรหลายอย่างในสังคม ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้อง ช่วยจัดการด้วย
หมูแฮม ชนดะ กับสองมาตรฐานในสังคม
ต้นเดือนกรกฏาคม นายกัณฑ์พิทักษ์ หรือหมูแฮม ปัจฉิมสวัสดิ์ อายุ 20 ปี บุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ และนาง สาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 ขับรถเบนซ์ สีดำ ทะเบียน ศศ 6699 กทม. ปาดให้รถปรับอากาศร่วมบริการ สาย ปอ.513 ทะเบียน 12-0939 กทม. ขับโดยนายสถาพร อรุณศิริ หยุดรถบริเวณหน้าป้อมตำรวจจราจร ปากซอยสุขุม วิท 26 แยกอารีย์ เขตวัฒนา กทม. ก่อนจะมีปากเสียงกัน
หมูแฮมใช้ก้อนหินทุบหน้าคนขับรถเมล์ ก่อนกลับเข้าไปนั่งในรถเบนซ์แล้วขับพุ่งชนผู้โดยสารบนทางเท้าจนบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายคน นายกัณฑ์พิทักษ์อยู่ในอาการตัวเกร็ง มือหงิก ระหว่างถูกไทยมุงล้อมพังรถ
นายกัณฑ์เอนก บิดา ออกมาบอกว่า บุตรชายมีอาการทางประสาท ชักเกร็ง และเคยเข้ารักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ จนเกิดข้อสงสัยของหลายคนว่าทำไมผู้ที่มีอาการทางประสาทจึงมีใบขับขี่
นอกจากนี้ ยังมีกระแสโจมตีของสังคมเนื่องจากบิดาหมูแฮมให้สัมภาษณ์ถึงฝ่ายผู้เสียหายทำนองแบ่งชนชั้นในสังคม ว่าเป็นชนชั้นล่าง
รวมทั้งการดำเนินคดีเอาผิดที่ล่าช้า ซับซ้อน ทั้งๆที่เป็นคดีใหญ่ สะเทือนขวัญ มีผู้เสียชีวิต แต่เหมือนเรื่องกลับเงียบหายไป
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ย. พนักงานสอบสวน สน. ทองหล่อ นำตัวหมูแฮม อายุ 20 ปี พร้อมความเห็นสั่งฟ้อง 3 ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้รับบาดเจ็บ ส่งมอบอัยการ จากนั้นญาติยื่นหลักทรัพย์มูลค่า 1 ล้านบาท ประกันตัวหมูแฮมออกไป
ข่าวนี้ชี้ให้เห็นถึงอะไรหลายอย่าง ทั้งด้านสังคมและกฏหมาย ลองมาคิดดูว่าถ้าคดีนี้ผู้ต้องหาเป็นคนธรรมดา ไม่ได้เป็นลูกคนดัง ไม่ได้เป็นลูกอดีตตำรวจ รูปคดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่
กระแสโลกร้อน
ในรอบปีที่ผ่านมา กระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งในทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เช่นกัน
ที่เป็นเช่นนั้น อาจเพราะหลายคนเริ่มรู้สึกได้ถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่างๆที่เริ่มรุนแรงขึ้น ทั้งพายุ นํ้าท่วม ดินถล่ม ภัยแล้ง ฝนตกหนัก อากาศร้อนจัด ฯ
เราจึงได้เห็นการรณรงค์จากหลายองค์กรตลอดทั้งปี จนโลกร้อนกลายเป็นกระแสไป
มีหลายอย่างเกิดขึ้นในวงการธุรกิจ อาทิ หนังสือเกี่ยวกับโลกร้อนที่ออกมาเยอะและขายดิบขายดี เสื่อที่สกีนข้อความเพื่อสิ่งแวดล้อมก็ได้รับความนิยม ถุงผ้าที่รณรงค์ให้นำมาใช้แทนถุงพลาสติกที่เห็นหลายคนใช้อย่างจริงจัง เป็นต้น
ทว่า ก็ยังมีบางองค์กรกลับถือโอกาสนำเรื่องโลกร้อนมาใช้แสวงหาผลประโยชน์ โดยการนำกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาแฝงการโฆษณาต่างๆ
หลายองค์กรพยายามทำกิจกรรมเอาหน้าว่ารักษาสิ่งแวดล้อม ปลูกป่า ขณะที่โรงงานในเครือปล่อยควันและนํ้าเสียลงสู่ชุมชน
ข่าวโลกร้อน เป็นข่าวใหญ่ที่มีผลการทบต่อคนทุกคน เราอยู่บนโลกใบเดียวกัน ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษา แล้วจะให้ใครมารักษา
การเมืองไทย วุ่นไม่จบ
ในปีนี้ แม้ว่าเราจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ และผ่านพ้นการเลือกตั้งมาแล้ว แต่ความวุ่นวายทางการเมืองก็ยังคงไม่จบไม่สิ้นเสียที
ผลการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง ได้ 233 ส.ส. ประชาธิปัตย์ ได้ 165 ส.ส. ทว่าเมื่อพลังประชาชนไม่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง การจัดตั้งรัฐบาลจึงไม่สะดวกราบรื่น
ยังต้องมีการจับขั้ว รวมขั้ว ต่อรองผลประโยชน์กันให้เห็นกันอยู่ และการเมืองไทยคงจะไม่พัฒนาไปจากเดิมเท่าไหร่
ในช่วง 2-3 ปีมานี้คนไทยอยู่กับการเมืองมากกว่าเดิม กระนั้นก็ไม่ใช้การดีเลยที่หลายคนเห็นเป็นเรื่องจริงจัง จะเอาชนะกันอย่างเดียว เห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต้องถึงขนาดฆ่าแกงกันให้ได้
ทั้งๆที่นักการเมืองพวกนั้นไม่ใช่ญาติพี่น้องของเราเลย แต่หลายคนกลับปกป้องเสียยิ่งกว่าญาติผู้ใหญ่ของตนเอง
ดังนั้น ความแตกแยกจึงยังคงบาดลึกในสังคม
หลายคนเริ่มเบื่อหน่ายการเมือง ไม่แม้แต่จะอยากดูข่าว
นักการเมืองมาแล้วก็ไป แต่ประเทศชาตินั้นไซร้ ต้องคงอยู่ตลอดไป
อย่าให้การเมืองมาทำให้ประเทศชาติต้องแตกแยก
สิ่งที่ดีๆในปีนี้ขอให้เก็บไว้ในใจ สิ่งร้ายๆให้เป็นเพียงบทเรียน ขอให้ลืมเลือนไป
ขอให้ปีหน้าฟ้าใหม่ สิ่งดีๆจงเกิดขึ้นกับชาวไทยทุกคน
ที่มา MTHAI.COM
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 3883 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 30 ธ.ค. 50
เวลา 11:39:22
|