กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
11 ม.ค. 65 สํานักงาน ปปง. ส่งเรื่องให้อัยการขอให้ศาลมีคําสั่งให้ยึดทรัพย์สิน ของนางสาวพิยดา ทองคําพันธ์ กับพวก จำนวน 10 ล้านบาท คืนเหยี่อทั้งหมด
ตามที่นักงาน ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคําร้องขอให้ศาลมีคําสั่งให้นําทรัพย์สิน นางสาวพิยดา ทองคําพันธ์กับพวก ตามคําสั่ง ย. 167/2564 และ ย. 173/2564 รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ไปคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย โดยระบุว่าคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 และครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว ราย นางสาวพิยดา กับพวกซึ่งมีพฤติการณ์กระทําความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา อันเข้าลักษณะความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยประกาศลงข้อความหรือข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์เพื่อหลอกขายสินค้าโดยที่ไม่มีสินค้าอยู่จริง มีการโฆษณาเผยแพร่ ข้อมูลที่ไม่มีความเป็นจริง และลักลอบนําข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นไปลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และมีเจตนาอําพรางตน โดยนําหมายเลขดังกล่าวนั้นไปรับโอนเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นเป็นทอดๆ ซึ่งลูกค้าหรือผู้สั่งซื้อสินค้าจะถูกผู้ขายหรือมิจฉาชีพกําหนดให้ต้องถ่ายภาพใบหน้าคู่กับบัตรประชาชนส่งให้กับผู้ขายทั้งนี้เพื่อเป็นเงื่อนไขในการสั่งซื้อและให้ชําระเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ขายก่อนล่วงหน้า โดยกําหนดให้ลูกค้าชําระเงินผ่านหมายเลขบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ตามแต่ผู้ขายจะแจ้งให้ทราบ เมื่อมีการโอนเงินชําระค่าสินค้าไปแล้ว ผู้ซื้อจะไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้อีกเลย
ทั้งนี้ ตามคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 167/2564 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว ลงวันที่ 8 กันยายน 2564 และคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 173/2560 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทํา ความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติตามมาตรา 48 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และสํานักงาน ปปง.ได้เปิดรับคําร้องขอคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย จํานวน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 20 กันยายน-19 ตุลาคม 2564 และครั้งที่ 2 ระหว่าง วันที่ 5 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2560 นั้น
สํานักงาน ปปง. ได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 และคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้สํานักงาน ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคําร้องขอให้ศาลมีคําสั่งให้นําทรัพย์สินตามคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 167/2560 เรื่อง ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราวลงวันที่ 8 กันยายน 2564 จํานวน 10 รายการ ได้แก่ เงินสด, โทรศัพท์เคลื่อนที่, ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 7,944,474.85 บาท พร้อมดอกผล และทรัพย์สินที่ตามคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 173/2564 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จํานวน 23 รายการ ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อ BMW, ตู้นิรภัย, กระเป๋า, เข็มขัด และตะกร้าหวายแบรนด์เนม รวมมูลค่าประมาณ3,053,590 บาท พร้อมดอกผล รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 10,998,064.85 บาท พร้อมดอกผล คืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย แทนการขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา 49 วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยเป็นผู้เสียหายตามคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 167/2564 จํานวน 37 ราย และผู้เสียหายตามคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 173/2564 จํานวน 9 ราย
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2564 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้สํานักงาน ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณายื่นคําร้องขอให้ศาลมีคําสั่งให้นําทรัพย์สินรายคดีดังกล่าวตามคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย. 167/2564 คืนหรือชดใช้แก่ผู้เสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินด้วยในคราวเดียวกันตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 จํานวน 55 ราย รวมจํานวนผู้เสียหายที่ได้รับการคุ้มครองสิทธิในรายคดีนี้ทั้งสิ้น 101 ราย.
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|