• แพทย์ รพ.ม.นเรศวร พบผู้ป่วย”โรคพยาธิปอดหนู”ขึ้นตา รายที่ 19 ของไทยในรอบ 50 ปี รุนแรงขั้นตาบอด เหตุชอบกินของสุก ๆ ดิบ ๆ |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 02 ก.พ. 65 เวลา 20:38:45 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
แพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร พบผู้ป่วย ‘โรคพยาธิปอดหนู’ ขึ้นตา จากการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆเป็นประจำ โดยเฉพาะ ‘กุ้งแช่น้ำปลา’ ทำให้ข้าราชการสาววัย 40 ปี ตาบอด พบเป็นผู้ป่วยรายแรกของ จ.พิษณุโลกขณะที่ทั่วโลกพบผู้ป่วยไม่เกิน 50 ราย พบมากที่สุดในภาคอีสานของประเทศไทย
วันที่ 2 กุมภาพันธุ์ 2565 ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย อาจารย์นายแพทย์คณินท์ เหลืองสว่าง จักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านจอตาและน้ำวุ้นตา และ ผศ.พญ.สิรินันท์ ตรียะเวชกุล จักษุแพทย์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมกันแถลงถึงพบผู้ป่วย ‘โรคพยาธิปอดหนูขึ้นตา’ เป็นสาเหตุทำให้ตาขวาบอด 1 ข้าง ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายแรกของ จ.พิษณุโลก
ผศ.พญ.สิรินันท์ ตรียะเวชกุล จักษุแพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า คนไข้เป็นหญิงอายุ 40 ปี อาชีพข้าราชการ ได้เข้าพบหมอด้วยอาการตาพร่ามัวข้างเดียวมาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ยังไม่พบสาเหตุ จึงได้นัดทำการตรวจตาอย่างละเอียดอีก3 สัปดาห์ต่อมา ด้วยวิธีการขยายม่านตา และพบว่าตามีการอักเสบและพบพยาธิในวุ้นตา
กรณีนี้เป็นรายแรกของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งจากรายงานสถิติเคยพบผู้ป่วย ‘พยาธิปอดหนู’ ขึ้นตาครั้งแรกของโลก ในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2505 ทั่วโลกมีการรายงานพบผู้ป่วยไม่เกิน 50 ราย และพบมากที่สุดในไทยเป็นผู้ป่วยจากภาคอีสาน ซึ่งรายงานโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นจำนวน 18 ราย จึงต้องส่งตัวผู้ป่วยรักษาร่วมกับจักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านจอตาและน้ำวุ้นตา
ด้านนายแพทย์คณินท์ เหลืองสว่าง จักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านจอตาและน้ำวุ้นตา รพ.มน.กล่าวว่า หลังจากได้รับเคสผู้ป่วยมาพบว่า ตาคนไข้มีการอักเสบและพบพยาธิในน้ำวุ้นตา จึงทำการรักษาด้วยการให้ยาฆ่าพยาธิและยาลดอักเสบจากนั้นได้ทำการผ่าตัดโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถนำตัวพยาธิออกมาจากตาได้ ก่อนจะส่งตรวจจนพบว่าพยาธิที่พบ เป็น ‘พยาธิปอดหนู’ ความยาวประมาณ 0.5 ซม.
สาเหตุที่เรียกว่า ‘พยาธิปอดหนู’ เพราะ พยาธิตัวเต็มวัยทั้งสองเพศ จะอาศัยอยู่ในหลอดเลือดแดงของปอดหนู พยาธิตัวเมียจะออกไข่ในหลอดเลือดแดงและฟักตัวเป็นตัวอ่อน ระยะที่ 1 ปนออกมากับมูลหนู เมื่อตัวอ่อนไชเข้าหอยทากหรือหอยน้ำจืด เช่น หอยโข่ง หอยขม หอยเชอรี่ กุ้งน้ำจืด ปลาน้ำจืด แล้วจะเจริญเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อ ในระยะนี้หากคนรับประทานอาหารปรุงสุกๆดิบ พยาธิจะเข้าสู่ระบบประสาท เช่น สมอง ไขสันหลัง หรือตา ฯลฯ
ส่วนอาการเจ็บป่วย จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะที่พยาธิอยู่ เช่นเคสของคนไข้รายนี้ที่ตัวพยาธิขึ้นตาจึงทำให้เกิดอาการที่พบบ่อยคือตามัวลงแบบเฉียบพลัน ไม่มีอาการปวด หรือเคืองตาแต่อย่างใดใด ซึ่งจากการซักประวัติของผู้ป่วยพบว่ามีประวัติชอบทานอาหารสุกๆ ดิบๆ บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกุ้งน้ำจืด ที่ทานเมนู ‘กุ้งแช่น้ำปลา’ เป็นประจำ
หลังผ่าตัดนำพยาธิออกจากตาเรียบร้อยแล้ว ก็พบว่าตาข้างขวาของผู้ป่วยไม่สามารถกลับมามองเห็นได้ เนื่องจากตัวพยาธิได้ชอนไชไปยังจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาอักเสบเป็นหนอง ได้รับความเสียหายจึงบอดสนิท ซึ่งหลังจากนี้ได้ทำการนัดรักษาต่อเนื่องเพื่อเช็คร่างกายอย่างละเอียดว่าพยาธิมีเพิ่มเติมในตำแหน่งอื่นของร่างกายอีกหรือไม่
ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ศิริเกษม ศิริลักษณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เตือนภัย ประชาชนที่ชอบรับประทานอาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะสัตว์น้ำจืด ได้แก่ หอยโข่ง (หอยปัง) หอยขม หอยเชอรี่ กุ้งน้ำจืด ปลาน้ำจืด อาจทำให้เป็นโรค พยาธิขึ้นตา ตาบอดได้ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร หยุดทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ให้ทานเฉพาะอาหารที่ปรุงสุกและสด สะอาดเท่านั้น เพราะพยาธิในที่อาศัยอยู่ตามสัตว์น้ำจืด เมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจเป็นอันตรายเหมือนผู้ป่วยเคสนี้ที่ต้องสูญเสียการมองเห็นจากดวงตาข้างขวาไป 1 ข้าง เพียงเพราะชอบทานอาหารสุกๆ ดิบๆ และหากพยาธิเข้าไปอยู่ตามจุดสำคัญในร่างกาย เช่นระบบประสาท สมอง ไขสันหลัง อาจจะถึงขั้นรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 962 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 02 ก.พ. 65
เวลา 20:38:45
|