กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเป็นการสัมผัสในครอบครัวเป็นสาเหตุหลัก และพบแนวโน้มการสัมผัสในที่ทำงานมากขึ้น ส่วนการสัมผัสในชุมชน สถานบันเทิง และจากต่างจังหวัดลดลง
สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (14 ก.พ. 65) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 317 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างจังหวัด 9 ราย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และพิษณุโลก จังหวัดละ 2 ราย ส่วนจังหวัดน่าน แพร่เชียงราย และแม่ฮ่องสอนอีกอย่างละ 1 ราย ที่เหลืออีก 309 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด โดยขณะนี้มีกลุ่มคลัสเตอร์ที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่ คลัสเตอร์กลุ่มร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 4 ร้าน ได้แก่ ร้านฮอมบาร์ พบเพิ่ม 2 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเข้าไปใช้บริการวันที่ 29 มกราคม ยอดรวม 19 ราย ,ร้านพอใจบาร์ พบเพิ่ม1 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเข้าไปใช้บริการวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ยอดรวม 24 ราย ,ร้าน Sound up พบเพิ่ม 2 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเข้าไปใช้บริการวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ยอดรวม 2 ราย และร้าน Wood Stock พบเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่มีประวัติเข้าไปใช้บริการวันที่ 11 กุมภาพันธ์
ส่วนคลัสเตอร์กลุ่มองค์กรหรือสถานที่ทำงานพบเพิ่ม 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจ RT-PCR พบเพิ่ม4 ราย ยอดรวม 6 ราย ,สถานพินิจเด็กและเยาวชน ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม ตรวจ RT-PCR พบใหม่ 9 ราย ,แผนกการเงินโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตรวจ RT-PCR พบเพิ่ม 1 ราย ,โรงน้ำแข็งวารีเทพ ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง ตรวจ ATK พบเพิ่ม 1 ราย เป็นพนักงานกลุ่มเสี่ยงสูง ตรวจพบระหว่างการกักตัว และร้านวีทีแหนมเนือง สาขาสะพานนวรัฐ ตรวจ ATK พบเพิ่ม 4 ราย ยังคงพบในกลุ่มพนักงานที่เป็นกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ยอดรวม 22 ราย ด้านคลัสเตอร์กลุ่มโรงเรียน พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในอีก 2 คลัสเตอร์ ได้แก่ โรงเรียนสันทรายคองน้อย ตำบลเวียง อำเภอฝาง ตรวจ ATK พบเพิ่ม 8 ราย และวิทยาลัยการอาชีพ จอมทอง ตรวจ ATK พบเพิ่ม 2 ราย ยอดรวม 6 ราย
นอกจากนี้ ยังมีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์อื่น ๆ ได้แก่ คลัสเตอร์ผู้ปฏิบัติงานในสวนผัก หมู่ 6 ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตรวจ ATK พบเพิ่ม 14 ราย เป็นการติดเชื้อจากเด็กที่สัมผัสกันในโรงเรียน แล้วนำไปแพร่กระจายต่อกับผู้ปกครองและต่อไปยังเพื่อนร่วมทำงานในสวนผัก ซึ่งทีมควบคุมโรคอำเภอดอยสะเก็ดได้ลงพื้นที่คัดแยกกลุ่มเสี่ยงสูง-เสี่ยงต่ำ เพื่อทำการควบคุมโรคแล้ว โดยในวันนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสในครอบครัวเพิ่ม ส่วนผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า พบเพิ่ม 178 ราย และมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค เชื่อมโยงคลัสเตอร์อีก112 ราย
ทำให้ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงนี้ ยังคงเป็นการสัมผัสในครอบครัวเป็นสาเหตุหลัก และการสัมผัสในที่ทำงานเริ่มพบมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการสัมผัสในชุมชน การสัมผัสในสถานบันเทิง และการสัมผัสจากสถานที่ระบาดในต่างจังหวัดลดลงเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความไม่เคร่งครัดในมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล จนทำให้มีผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้าเพิ่มมากขึ้น และหากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงแต่ไม่เคร่งครัดในการกักตัวก็จะทำให้คนในครอบครัวหรือผู้ใกล้ชิดมีผลบวกตามมา
ด้านข้อมูลผู้เสียชีวิต 2 รายวันนี้ รายแรกเป็นชายไทย อายุ 69 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม มากกว่า 2 สัปดาห์ โดยวันที่ 11กุมภาพันธ์ เริ่มมีอาการถ่ายเหลว อาเจียน อ่อนเพลียความดันโลหิตต่ำ ญาติส่งไปรักษาที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเชียงใหม่ใกล้หมอ ตรวจ RT-PCR ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 และเข้ารับการรักษาที่ดรงพยาบาล วันที่ 12 กุมภาพันธ์ หัวใจหยุดเต้น จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และช่วยฟื้นคืนชีพแต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตลง
อีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 82 ปี ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน โดย วันที่ 31 มกราคม เริ่มมีอาการถ่ายเหลวอ่อนเพลีย วันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีอาการไข้ หนาวสั่น เหนื่อย พูดจาสับสน ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาลนครพิงค์ ตรวจพบว่าปอดอักเสบ ออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงใส่ท่อช่วยหายใจ ตรวจ RT-PCR ยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 เป็นสายพันธุ์Delta แพทย์ให้การรักษาเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 12 ก.พ. ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตลง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
14 กุมภาพันธ์ 2565
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|