กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
15 ก.พ. 2565 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ระบุว่าประเทศไทย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 5-11 ก.พ. จากการตรวจประมาณ 2,000 ตัวอย่าง พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอนเกือบทั้งหมด 1,975 ตัวอย่าง ประมาณ 97.2% เป็นเดลต้า 2.8% แสดงว่ายังมีเดลตาหลงเหลืออยู่บ้าง
และ 10 จังหวัดที่ติดโอมิครอนสูงสุด คือ กทม. ภูเก็ต ชลบุรี ร้อยเอ็ด สมุทรปราการ หนองคาย สุราษฎร์ธานีมหาสารคาม กาฬสินธุ์ และขอนแก่น
สำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ตรวจพบการติดเชื้อเป็นโอมิครอน 99.4% ให้สันนิษฐานได้เลยว่าเป็นโอมิครอนไม่น่าเป็นสายพันธุ์อื่นแล้ว ส่วนในประเทศไทยเองก็สูงขึ้นเรื่อยๆ 96.4% อีกไม่น่านก็เข้าใกล้ 100%
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จะเห็นความเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์ ภาพรวมกว่า 97% เป็นโอไมครอน เป็นเดลตา 2.8% แต่หากแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มมาจากต่างประเทศเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ประมาณ 99.4% ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอนส่วนกลุ่มอื่นๆ ในประเทศไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ประมาณ 96.2% อีกไม่นานจะ100%
ทั้งนี้เมื่อมีการระบาดโอไมครอนค่อนข้างเร็ว และจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก ตามธรรมชาติไวรัสเมื่อมีการติดเชื้อซ้ำๆ ก็ออกลูกออกหลาน ทำให้มีโอกาสกลายพันธุ์ จากเดิมกำหนดไว้ B.1.1.529 ก็ออกมาเป็น BA.1 เป็นสายพันธุ์หลัก ขณะนี้มีข้อมูลที่ซัมมิทเข้าไประบบจีเสสประมาณ 6 แสนเศษๆ ส่วน BA.2 ประมาณ 5 หมื่นกว่าราย ยังไม่ถึง 10% ประมาณ8-9% ทั้งนี้ BA.2 จะพบมากในเดนมาร์ก ส่วน BA.3 ยังน้อยมาก 297 ราย
สำหรับ BA.1 ยังเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในแอฟริกาใต้และประเทศส่วนใหญ่ ประเทศไทยพบครั้งแรกในกลุ่มผู้เดินทางเข้าไทยช่วงต้นปี 2565 โดยขณะนี้จากการซัมมิทข้อมูลในจีเสสกว่า 5 หมื่นราย พบ 57 ประเทศ และประเทศที่เริ่มเห็นแนวโน้มว่า BA.2 จะแทน BA.1 มีอินเดีย เดนมาร์ก สวีเดน โดยเดนมาร์กพบมากกว่า BA.1 แล้ว แต่สำหรับประเทศไทยขณะนี้ยังพบ BA.1 มากกว่า ยกเว้นว่าในอนาคตหากแพร่เร็วก็อาจเป็นเบียด BA.1
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|