กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สืบเนื่องวานนี้ เวลา 15.00 น.ได้เกิดเหตุมีชายคลั่งขี่รถจักรยานยนต์ บุกเข้าไปในเขตการบิน (Airside ) ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยชายดังกล่าว ได้เข้าไปทางประตูทางเข้าลานจอด 3 (Control Post 3 ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ คอนคอร์ด A พร้อมกับพกอาวุธคล้ายขวานที่ประดิษฐ์เอง มุ่งไปยังประตูเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จอดอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่สายการบินปิดประตูกั้นไว้ทัน ทำให้ชายดังกล่าวหันไปทุบประตูขึ้นเครื่อง (Gate) จนกระจกแตกกระจาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามบินจะช่วยกันจับตัวไว้ได้ในที่สุด
วันที่ 4 พฤษภาคม นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่ ‘เขตการบิน’ วันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า วินาทีที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าชาร์จผู้ก่อเหตุ ต้องมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปลอดภัย เพื่อไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าไปชั้นในอาคารผู้โดยสารได้ การปฏิบัติทั้งหมดได้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร รวมทั้งความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ทุกนาย ดังนั้น ทั้งหมดได้ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า ได้รายงานให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทราบทันทีที่เกิดเหตุ รัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ทำตามกฎหมาย โดยกำชับให้มุ่งเน้นการให้บริการตามมาตรฐานและความปลอดภัย ผู้โดยสารต้องรู้สึกว่าปลอดภัย
“การสกัดกั้นโดยรถยนต์ เป็นแผนตามการฝึก ไม่ได้ทำมั่วๆ การทำงานมีขั้นตอน ระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมีการพูดคุย ศูนย์สั่งการตลอดเวลา เมื่อเขาล้ม เจ้าหน้าที่ต้องชาร์จ เพื่อยุติเหตุการณ์ ไม่อยากเห็นภาพเขาหลุดเข้าไปด้านใน เหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย เรามุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ” ผอ.สุวรรณภูมิกล่าว
ด้าน ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นแจ้งทั้งหมด 7 ข้อหาคือ
1.ใช้อาวุธกระทําการเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน
3.บุกรุก
3.ทำให้เสียทรัพย์
4.พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร
5.มียาเสพติดให้โทษ
6.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1
7.ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว
พ.ต.อ.จิรวัฒน์กล่าวว่า เมื่อวานผู้ต้องหาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจหาสารเสพติดในตัวผู้ต้องหา พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย เช้านี้เริ่มมีสติโต้ตอบ เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในบางพลี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ช่วงปี 2557 เคยโดนจับยา 2 คดี ทั้งนี้ ตามกำหนดแล้วต้องส่งศาลวันพรุ่งนี้
อนึ่ง การกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน มีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท
คลิปข่าวจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|