• สธ.เผย พบสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังสรุปความรุนแรงไม่ได้ ต้องเก็บตัวอย่างเพิ่ม |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 12 ก.ค. 65 เวลา 07:08:51 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยสัดส่วนโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 เพิ่มสูงขึ้น ส่วนความรุนแรงยังสรุปไม่ได้เช่นเดียวกับในต่างประเทศ แต่เบื้องต้นพบสัดส่วนในผู้ป่วยอาการหนักสูงกว่า BA.2 แต่ยังต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ประสานโรงพยาบาลสังกัดต่างๆ ส่งตรวจมากขึ้น ย้ำมาตรการป้องกันโรค สวมหน้ากาก ล้างมือ เลี่ยงไปสถานที่เสี่ยง และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
(11 กรกฎาคม 2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พร้อมด้วย นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดร.นพ.อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข แถลงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ว่า จากการเฝ้าระวังช่วงวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2565 จำนวน 570 ตัวอย่าง พบสายพันธุ์โอมิครอน BA.4/BA.5 รวมกันเกือบครึ่งหนึ่ง 280 ราย โดยยังพบสัดส่วนในผู้เดินทางจากต่างประเทศสูงทรงตัว 77-78% ราว 3 สัปดาห์ติดต่อกัน ส่วนในประเทศไทย พื้นที่กทม.พบ BA.4/BA.5 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์จาก 12% เป็น 50% 68% และ 72% ส่วนภูมิภาคค่อยๆ เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 17% และ 34% ตามลำดับ ถือว่าแพร่เร็วและจะเริ่มแซง BA.2 กับ BA.1 แต่ไม่ได้แซงเร็วมาก
ส่วนเรื่องความรุนแรงนั้น ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน แต่ข้อมูลพบว่าเจอสัดส่วนของ BA.4/BA.5 ในผู้ป่วยอาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง ทั้งใน กทม.และภูมิภาค แต่ตัวอย่างยังน้อยเกินไป ต้องมีข้อมูลในระดับหลักร้อยตัวอย่างถึงจะทำให้ข้อมูลแม่นยำมากขึ้น
"พื้นที่ กทม.เก็บตัวอย่างผู้ที่อาการไม่รุนแรง 164 ราย เป็น BA.4/BA.5 ประมาณ 72% ผู้ที่อาการรุนแรง ปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตมี 13 ราย เป็น BA.4/BA.5 ประมาณ 77% ขณะที่ภูมิภาคผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง 309 ราย เจอ BA.4/BA.5 รวม 33% ผู้ที่อาการรุนแรง 45 ราย เจอ BA.4/BA.5 สัดส่วน 46% จึงมีข้อสังเกตเบื้องต้นว่า น่าจะมีความรุนแรงกว่า BA.2 แต่ข้อมูลยังไม่มากพอ เช่นเดียวกับในต่างประเทศทั้งองค์การอนามัยโลกหรืออังกฤษก็ยังไม่สรุปเรื่องนี้ชัดเจน อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของญี่ปุ่น พบว่า BA.4/BA.5 ดื้อต่อภูมิคุ้มกันและแพร่กระจายเร็วในเซลล์ปอดของมนุษย์มากกว่า BA.2 ผลการทดลองในหนู พบว่า BA.4/BA.5 ทำให้หนูทดลองป่วยหนักกว่า BA.2
ดังนั้น จึงได้ประสานให้โรงพยาบาลสังกัดต่างๆ ส่งตัวอย่างมาตรวจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาการหนักหรือเสียชีวิตรวมถึงข้อมูลของผู้ป่วยด้วย เช่น ประวัติการรับวัคซีน โรคประจำตัว รักษามานานเท่าไร เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล" นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ขอให้ประชาชนยังเน้นมาตรการส่วนบุคคล ใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง ซึ่งหาก BA.4/BA.5 มีความรุนแรงจริง จะทำให้มีผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้นในอนาคตและอาจกระทบกับยาหรือเตียงได้ จึงต้องช่วยกันหยุดแพร่กระจายเชื้อ รวมถึงฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามคำแนะนำ จะช่วยป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต นอกจากนี้ สัปดาห์หน้าจะนำข้อมูลผลการศึกษาภูมิคุ้มกันจากวัคซีนสูตรต่างๆ ที่ทดลองกับ BA.5 ว่ามีประสิทธิผลเป็นอย่างไร
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 273 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 12 ก.ค. 65
เวลา 07:08:51
|