• DSI ลงพื้นที่ตรวจสอบการสร้างรีสอร์ตรุกป่า ที่ดินและลำน้ำสาธารณะ ในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 15 ธ.ค. 65 เวลา 18:04:17 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เมื่อวันที่ (วันที่ 14 ธันวาคม 2565) เวลา 14.00 น. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายวรพจน์ ไม้หอม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 บูรณาการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (ปปท.เขต 5) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 สำนักงานที่ดินจังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน (กอ.รมน.จว.น่าน) เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรบ่อเกลือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงพญา และเครือข่ายภาคประชาชนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI Station Nan) ลงพื้นที่บ้านสว้าเหนือ หมู่ที่ 3 ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน กรณีประชาชนร้องขอให้ตรวจสอบโดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ บุกรุกเข้าครอบครองที่ป่า บุกรุกที่สาธารณะและเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า การถมที่ดินริมน้ำ ขยายพื้นที่ทับลำน้ำ หวงกันพื้นที่ริมน้ำไว้เป็นของตนเอง จนทำลายแหล่งพันธุ์ปลา ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิม รวมทั้งปิดทางเดินสาธารณะเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนไม่สามารถใช้ลำน้ำได้อย่างปกติ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีการแบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้างรีสอร์ต จำนวน 2 แห่ง สร้างโรงเรือนที่พักส่วนตัวและที่พักคนงาน บริเวณก่อสร้างอยู่ใกล้กับฝายชลประทาน ทำให้เสี่ยงต่อการพังทลายในช่วงน้ำหลากอย่างมาก มีการใช้แรงงานต่างด้าวขนหินมาสร้างเนินดิน เพื่อเจตนาให้เป็นที่งอกมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่ นอกจากนี้ ได้มีประชาชนในพื้นที่และผู้ครอบครองพื้นที่เดิม เข้าให้ข้อมูลประกอบพยานหลักฐานยืนยันแนวเขตว่ามีการล่วงล้ำลำน้ำซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และยังพบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงอาจจะเป็นพื้นที่ป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 อีกด้วย ซึ่งหากผู้ใดบุกรุกอาจจะเป็นความผิดฐานบุกรุกป่า การก่อสร้างโรงเรือน และการประกอบกิจการโรงแรมไม่พบว่ามีการขออนุญาตตามกฎหมาย
อนึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชุมหารือพร้อมร่วมบูรณาการเพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ข้อสรุปดังนี้
1) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ พิจารณาตรวจสอบโดยละเอียดและ จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
2) องค์การบริหารส่วนตำบลดงพญา รับผิดชอบเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาคาร
3) ฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ รับผิดชอบตรวจสอบการขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรม
4) สถานีตำรวจภูธรบ่อเกลือ รับผิดชอบตรวจสอบเรื่องการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่
5) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (ปปท.เขต 5) รับคำร้องทุกข์จากประชาชนในพื้นที่พร้อมตรวจสอบและกำกับให้คำปรึกษากับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 เป็นความผิดตามบัญชีท้ายประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2565 เรื่องกำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานหากเข้าเงื่อนไขที่เป็นคดีพิเศษจะรับไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งเตือนนักลงทุนต่างท้องที่ ให้ระมัดระวังและตรวจสอบการประกอบกิจการในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ว่าอยู่ในเขตที่ป่าหรือที่ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจสอบแนวเขตป่าและที่ดินของรัฐเบื้องต้นได้จากช่องทางระบบ DSI MAP ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
วันนี้ 15 ธ.ค. 65 ผลการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก มารอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ อ้างว่าได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้ครอบครองพื้นที่ลำน้ำว้า ทำให้แหล่งเพาะพันธุ์ปลา พืชผักตามธรรมชาติซึ่งเคยมีอยู่บริเวณนั้นจำนวนมากถูกทำลาย เนื่องจากลำน้ำว้าเป็นแหล่งต้นน้ำสายสำคัญ ที่เป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำน่าน ที่ไหลรวมจากภาคเหนือลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และจากการตรวจสอบยังพบร่องรอยการขยายพื้นที่การครอบครอง ถมดินย้ายก้อนหิน ขนาดใหญ่จากลำน้ำว้า มีร่องรอยน้ำเปลี่ยนทิศ ที่ดินฝั่งตรงข้ามถูกกระแสน้ำเซาะจนพังทลาย พยานบุคคลและผู้นำชุมชน มาให้การยืนยันว่ามีการปิดทางสาธารณะให้แคบลง ซึ่งใช้เป็นทางเข้าออกเดิมของหมู่บ้านอีก3 หมู่บ้าน ทำให้ขาดความสะดวกในการเดินทางสัญจร ตัวแทนประชาชนได้ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมเจ้าท่าเพื่อขอให้ช่วยบังคับใช้กฏหมายตามอำนาจหน้าที่ และยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ปปท. เพื่อขอให้มาตรวจสอบกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
สรุปผลการบูรณาการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ แบ่งได้เป็น 2 ประเด็น ดังนี้
1. การบุกรุกที่ป่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ ได้รับผิดชอบดำเนินการตรวจสอบแนวเขตป่า ว่าพื้นที่ที่ถูกร้องเรียนอยู่ในเขตป่าหรือไม่ และเข้าข้อยกเว้นผ่อนผันให้อยู่ในพื้นที่โดยไม่ถูกบังคับใช้กฏหมายหรือไม่ หากฝ่าฝืนกฏหมายจะบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด ต่อไป
2. การเปลี่ยนแปลงรุกล้ำเส้นทางน้ำว้า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาแพร่ รับจะพิจารณาดำเนินการ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบ่อเกลือ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (สำนักงาน ปปท. เขตพื้นที่ 5) จะตรวจสอบและกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างถูกต้องและเหมาะสม ต่อไป
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 245 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 15 ธ.ค. 65
เวลา 18:04:17
|