กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ตำรวจภูธรภาค 5 ได้สนองนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดเชิงรุก บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ในการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนและแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งติดตามนำตัวผู้เสพมาเข้ารับการบําบัด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง ตำรวจภูธรภาค 5 จึงบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการปิดล้อม ตรวจค้น ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด พื้นที่ชุมชนเมือง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอใกล้เคียง เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับประชาชน
วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือผบก.สส.ภ.5, นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 ,นายมโนรมภ์ สินธพอาชากุล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ,พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พ.ต.อ.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล พฐ.จว.เชียงใหม่ และหน่วยเกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติในช่วงระดมกวาดล้างอาชญากรรมในระหว่างวันที่27-31 มีนาคม 2566 ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ระดมสรรพกำลัง เข้าดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นในหมู่บ้าน ชุมชน ที่เป็นแหล่งพักและแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอใกล้เคียง, ตรวจค้นสถานบริการ สถานประกอบการ และตรวจค้นเป้าหมายการสืบสวนขยายผลในพื้นที่ ต.ท่าผา อ.เกาะคา จว.ลำปาง เพื่อนำกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและยาเสพติดในทุกระดับ มาดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น
ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 27 – 30 มีนาคม 2566 มีผลการปฏิบัติ ดังนี้
1. ความผิดอาชญากรรมทั่วไป จำนวน 172 ราย ผู้ต้องหา 166 คน
ความผิดเกี่ยวกับการพนัน จำนวน 13 ราย ผู้ต้องหา 22 คน
ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 115 ราย ผู้ต้องหา 107 คน
ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง จำนวน 17 ราย ผู้ต้องหา 17 คน
ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน จำนวน 26 ราย ผู้ต้องหา 19 คน
ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 1 คน
2. จับกุมบุคคลตามหมายจับ จำนวน 150 หมาย ผู้ต้องหา 150 คน
3. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 54 ราย ผู้ต้องหา 56 คน
•การหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน จำนวน 16 ราย ผู้ต้องหา 16 คน
•การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย จำนวน 3 ราย ผู้ต้องหา 5 คน
การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำนวน 16 ราย ผู้ต้องหา 16 คน
•การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หรือ สตรีทางอินเตอร์เน็ต และ ค้ามนุษย์ จำนวน 4 ผู้ต้องหา4 คน
การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่น ๆ จำนวน 15 ราย ผู้ต้องหา 15 คน
รวมทั้งสิ้น จำนวน 376 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 372 คน
ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 31 มีนาคม 2566 มีผลการปฏิบัติ ดังนี้
จับกุมผู้ต้องหา : จำนวน 8 ราย
จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 4 ราย
จับกุมตาม พรบ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท จำนวน 4 ราย
ตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย จำนวน 15 ราย
จับกุมผู้ต้องหาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 8 ราย
ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ รับจำนำโดยผิดกฎหมาย จำนวน 10 คัน
ตรวจยึดอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหา มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
และเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 05.30 น. โดยมี พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 เป็นประธานในการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท โดยสนธิกำลังร่วมกันของตำรวจภูธรภาค 5, กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5, กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5, กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่, พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่, ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเชียงใหม่ และหน่วยเกี่ยวข้อง รวม 220 นาย ได้บูรณาการร่วมกันเข้าตรวจค้นจุดต่างๆ สืบเนื่องมาจากมีการแพร่ระบาดของยา Happy Water และวัตถุออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทประเภท 2 โดยแพร่ระบาดในกลุ่ม นักเรียน, นักศึกษา, เยาวชน ในพื้นที่อย่างแพร่หลาย จึงได้เปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้นแหล่งมั่วสุม แหล่งพักยา แหล่งบ่มเพาะอาชญากรรม รวมถึงแหล่งรับจำนำรถ โดยเปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้น
การจับกุมคดีสำคัญและคดีที่น่าสนใจ จำนวน 4 คดี คือ
คดีที่ 1. เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 ได้ทำการตรวจค้นสถานบริการ ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่จ.เชียงใหม่ พบกลุ่มวัยรุ่น เปิดห้องพักมั่วสุมเสพยาเสพติด จำนวน 2 ห้อง พบกลุ่มวัยรุ่น 13 ราย เป็นชาย 10 รายหญิง 3 ราย พบมีการนั่งดื่มสุราและพบถุงยาซองเล็กสีขาว บรรจุโคเคน จำนวน 3 ซอง, เคตามีน จำนวน 2 ซอง พร้อมอุปกรณ์สำหรับการเสพ จากการตรวจปัสสาวะ พบมีผลเป็นบวก จำนวน 10 ราย เป็น ชาย 9 ราย หญิง 1 ราย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อลูเกอร์ ขนาด 380 จำนวน1 กระบอก พร้อมกระสุน 6 นัด ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 2. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลของศาลอาญา ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทจับกุม นายทรงยศ อายุ 49 ปี ในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยพยายามมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และ สบคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดที่ได้สบคบกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ที่102/2566 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2566 ที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ และได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน เป็น อาวุธปืนกล๊อก 1 กระบอก, รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้, รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อซูซูกิ, โรงแรม จำนวน1 แห่ง, บ้านพัก จำนวน 1 หลัง, ที่ดิน มีโฉนด จำนวน 1 แปลง, อายัดเงินในบัญชี จำนวน 40,000 บาท, ทองรูปพรรณ, พระเลี่ยมทอง รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย
คดีที่ 3. บก.สส.ภ.5 บูรณาการร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการปิดล้อมพื้นที่ซอยศรีมงคล ถนนอัษฏาธร ต.ช้างเผือก อ.เมือง จว.เชียงใหม่ พบบุคคลคนชนเผ่ามั่วสุมเตร็ดเตร่ รวมจำนวนประมาณ 100 ราย มีการจับกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 13 ราย ดังนี้
1. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 ราย คือ นายอะเบ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่25/2551 ฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย นำส่ง สภ.พาน จว.เชียงราย
2. ตรวจพบสารเสพติด จำนวน 6 ราย สมัครใจบำบัด คือ นายอาชอง (สงวนนามสกุล), นายหน่อแส (สงวนนามสกุล), นายอะเลพะ (สงวนนามสกุล), นายจะป๋า (สงวนนามสกุล), นายธวัชชัย (สงวนนามสกุล) และ นายพีระพงษ์(สงวนนามสกุล)
3. จับกุมผู้ต้องหาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์หลบหนีเข้าเมือง จำนวน 6 ราย คือ นายก้อ (สงวนนามสกุล) นายยุ(สงวนนามสกุล), นายสุข (สงวนนามสกุล), นายอ่องป่า (สงวนนามสกุล), นายอุแสง (สงวนนามสกุล) และนายปะโบ(สงวนนามสกุล) นำส่ง สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ ดำเนินการตามกฎหมาย
คดีที่ 4 การสืบสวนขยายผลการจับกุมคดีจำหน่ายยาอันตรายและวัตถุออกฤทธิ์โดยผิดกฎหมาย
กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ได้ดำเนินการสืบสวนทางสื่อโซเชียลมีเดีย พบว่ามีการโฆษณาจำหน่ายยาอันตราย (ทรามาดอล tramadol) เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนดไว้ ,มีการจำหน่ายยา โคลนาซีแพม (Clonazepam) และ อัลปราโซแลม (Alprazolam) เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 และประเภท 4 ห้ามมิให้มีการจำหน่ายเว้นแต่ได้รับอนุญาต ให้กับกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษาในเขตพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จึงทำการสืบสวน เก็บพยานหลักฐานในการกระทำผิด รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อการนำไปสู่การจับกุม ได้ผู้กระทำความผิดรวม 4 คน ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย
1.ยาทรามาดอล (Tramadol) ยี่ห้อ เพนดอล ชนิดเม็ด ขนาด 50 มิลลิกรัม จำนวน 32 แผง รวม 320 เม็ด
2.ยาเบ็นเซ็กซอล (Benhexol) ไม่มียี่ห้อ ชนิดเม็ด ขนาด 5 มิลลิกรัม บรรจุขวด จำนวน 454 เม็ด
3.ยาเซ็ตทิริซีน (Cetirzine) ยี่ห้อฟาเทค ชนิดน้ำ ขนาด 100 มิลลิลิตร/ขวด จำนวน 11 ขวด
4.ยาอัลปราโชแลม (Alprazolam) ชนิดเม็ด ขนาด 0.5 มก. จำนวน 2 เม็ด
5.ยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้รับอนุญาต Tramadol, Promethazine, TRIHEXYPHENIDYL HYDROCHLORIDE, sildenafil, Fluoxetine, Diazepam, Sertraline, Trazodone, Clozapine, Clonazepam, Perphenazine, Risperidone ชนิดเม็ด จำนวน 52,526 เม็ด ชนิดขวด จำนวน 23 ขวด และ ชนิดซอง จำนวน 500 ซอง
6. วัตถุออกฤทธิ์ต่อประสาท ประเภท 2 และประเภท 4 Clonazepam, Diazepam, Rohypnol, Midazolam, Alprazolam, Lorazepam, Methylphenidate ,Bromazepam, Zolpidem ชนิดเม็ด จำนวน 136,251 ชนิดขวดจำนวน 21 ขวด
7. ยาเสพติด ประเภท 2 มอร์ฟีน (Morphine) จำนวน 600 เม็ด, โคดีอีน (Codeine) จำนวน 780 เม็ด รวมจำนวน1,380 เม็ด
8. วัตถุต้องสงสัยว่าจะเป็นยาเสพติด น้ำยาสีเหลือง, MST CONTINUS, KINAL CODEINE, Nimetazepam, CODEINE, CEDIPECT, (CODEINE), COCOF LINTCUS ชนิดเม็ด จำนวน 875 เม็ด, ชนิดขวด จำนวน 34 ขวด รวมทั้งสิ้น ชนิดเม็ด จำนวน 191,032 เม็ด ชนิดขวด จำนวน 78 ขวด ชนิดซอง จำนวน 500 ซอง
รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 3 ล้านบาท และพบเงินหมุนเวียนในบัญชี ประมาณ 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับกุมยาต้องห้ามจำหน่ายในครั้งนี้ ถือเป็นจับ ยึด ยาเสียสาวและยาต้องห้ามจำหน่าย มากสุดในรอบ 10 ปี และทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลไปยังแหล่งที่มาและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ผู้ปกครอง ช่วยสอดส่อง ดูแลพฤติกรรมของบุตรหลาน เนื่องด้วยเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีวันหยุดยาว มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะทางสื่อโชเชียลซึ่งมีโอกาสที่เยาวชนจะจับกลุ่มร่วมตัวกัน ซื้อหรือเสพยาเสพติด สิ่งของผิดกฎหมายในห้วงนี้ รวมถึงมีการเข้ามาของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเป็นที่ล่อตาแก่มิจฉาชีพเข้ามาก่ออาชญากรรมได้ ซึ่งหากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ โทร.191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ออกไปติดตามจับกุมและระงับเหตุ อนึ่ง หากบุตรหลานเป็นเยาวชน กระทำความผิด ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลอาจมีความผิดด้วย และสำหรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือนี้
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|