• รู้หรือไม่ สีเขียวของดาวหาง มาจาก ไซยาไนด์ |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 28 เม.ย. 66 เวลา 17:01:27 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
แสงฝ้าเรือง ๆ จากดาวหางที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง "ดาวหางฮัลเลย์" ปรากฏเหนือขอบฟ้าช่วงหัวค่ำในคืนหนึ่ง เมื่อปี ค.ศ. 1910 ทำให้มนุษย์โลกต่างพากันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมทั้งหวาดกลัวว่าการมาเยือนของดาวหางในครั้งนี้ อาจจะนำมาซึ่งหายนะสู่สิ่งมีชีวิตทั้งปวงบนโลก บางคนถึงกับสวมหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ บ้างก็คาบยางรถจักรยานเอาไว้ในปาก เผื่อว่าอากาศอันน้อยนิดในยางเส้นนั้นอาจจะเพียงพอที่จะช่วยต่อชีวิตให้เขาได้อีกนิดหนึ่ง แต่แล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป และอีกร้อยกว่าปีต่อมาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกก็ยังคงมีชีวิตอยู่
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
การมาเยือนของดาวหางฮัลเลย์ในปี ค.ศ. 1910 นั้น เป็นกรณีที่พิเศษมากอยู่สองกรณี กรณีแรก เป็นการเยือนของดาวหางครั้งแรกนับตั้งแต่มีการพัฒนาเทคโนโลยีภาพถ่ายขึ้นมา นั่นหมายความว่านี่เป็นครั้งแรกที่มนุษย์ทั่วโลกจะสามารถเห็นภาพดาวหางภาพเดียวกันได้ผ่านบนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่สิ่งที่เพียงไม่กี่คนที่มีกล้องโทรทรรศน์เท่านั้นถึงจะสังเกตได้อีกต่อไป
กรณีที่สอง ดาวหางฮัลเลย์มาเยือนในช่วงที่มนุษย์มีเทคโนโลยีที่สามารถศึกษา "สเปกตรัม" ของดาวหาง ทำให้ทราบองค์ประกอบของวัตถุที่อยู่ห่างไกลเกินกว่าจะมีมนุษย์คนใดสามารถไปได้ถึง และจากการศึกษาแสงของมันที่สะท้อนออกมาจากแสงอาทิตย์ สิ่งที่เราพบในองค์ประกอบของหางดาวหางก็คือ…
"ไซยาไนด์"
ปัจจุบันเราทราบแล้วว่า แสงสีเขียวของดาวหางนั้น เกิดจากสารประกอบจำพวกไซยาโนเจน (cyanogen) และdiatomic carbon แม้ว่ากระบวนการที่ให้กำเนิดสารประกอบเหล่านี้จากนิวเคลียสของดาวหางนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดแต่เราก็สามารถจำลองการดูดกลืนและเปล่งแสงออกมาเป็นแสงสีเขียวของโมเลกุลเหล่านี้ได้ เราสามารถจำลองได้ว่าสารประกอบเหล่านี้จะสามารถคงอยู่ในสภาวะสุญญากาศที่ถูกกระหน่ำโดยรังสีอันแผดเผาจากดวงอาทิตย์ได้เพียงไม่เกินสองวัน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงไม่พบสีเขียวในบริเวณของหางดาวหางอีกต่อไป
แต่ปัญหาหนึ่งก็คือ ไซยาโนเจน นั้นคือสารประกอบที่มีส่วนประกอบของโมเลกุลใกล้เคียงกันมากกับไซยาไนด์ และไซยาโนเจนนั้นสามารถทำปฏิกิริยากับไฮโดรเจน เพื่อกลายเป็นไฮโดรเจนไซยาไนด์ได้ง่าย ไซยาไนด์นั้นเป็นสารประกอบระเหยง่าย และมีกลิ่นคล้ายอัลมอนด์ (สำหรับคนที่มีพันธุกรรมที่สามารถรับกลิ่นไซยาไนด์ได้) และเป็นหนึ่งในสารพิษที่มีพิษร้ายแรงที่สุด สามารถหยุดกระบวนการเมตาบอลิซึมภายในไมโทคอนเดรียของเซลล์ได้ และไซยาไนด์ปริมาณเพียง 2000 ppm (2380 mg/m^3) อาจจะสามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
ด้วยเหตุนี้ การค้นพบสารประกอบไซยาโนเจนในหางของดาวหางฮัลเลย์ ซึ่งโลกจะโคจรผ่านเข้าไปในบริเวณส่วนหางเมื่อเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ. 1910 ทำให้นักดาราศาสตร์และนักเขียนนิยาย Camille Flammarion ได้ออกมาเตือนภัยว่า หางของดาวหางจะปล่อยสารพิษไปในชั้นบรรยากาศของโลก และอาจเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตทั้งปวงบนโลก สร้างความแตกตื่นเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในยุโรป แต่ข่าวได้กระจายไปทั่วโลก ซึ่งหากใครเคยอ่านการ์ตูนโดราเอมอนอาจจะคุ้นกับตอนที่โนบิตะย้อนเวลากลับไปหาปู่เพื่อมอบ "ห่วงยาง" ให้ปู่สามารถหายใจในช่วงหายนะจากหางของดาวหางฮัลเลย์
แต่แม้กระนั้นก็ตาม ความเห็นของ Flammarion นี้เป็นเพียงส่วนน้อย และนักดาราศาสตร์ในยุคนั้นอีกเป็นจำนวนมากต่างก็ออกมาประนามกันว่า เป็นการสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนโดยใช่เหตุ เนื่องจากแท้จริงแล้วปริมาณไซยาโนเจนในหางของดาวหางนั้น มีปริมาณแก๊สที่น้อยเสียกว่าห้องสุญญากาศบนโลกเสียอีก นอกไปจากนี้ ไซยาโนเจนในอวกาศนั้น เมื่อชนเข้ากับชั้นบรรยากาศของโลกจะเกิดปฏิกิริยา และเปลี่ยนไปเป็นสารประกอบไนโตรเจนและคาร์บอน ที่สามารถพบได้ทั่วไปในชั้นบรรยากาศของโลก
ที่สำคัญที่สุด จากที่เราทุกคนกำลังอ่านบทความนี้อยู่ ก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดแล้วว่าหางของดาวหางนั้นไม่ได้เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกแต่อย่างใด ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์เรียนรู้แล้วว่า สารประกอบไซยาโนเจนในดาวหางนั้นนอกจากจะไม่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกแล้ว ยังพบว่า แท้จริงแล้วอาจจะเป็นส่วนสำคัญที่นำมาซึ่งองค์ประกอบที่จำเป็นต่อการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงบนโลก เมื่อ 38,000 ล้านปีที่แล้ว
ข้อมูล: สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
เรียบเรียง : ดร. มติพล ตั้งมติธรรม - ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ สดร.
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://www.nature.com/articles/324649a0
[2] https://www2.jpl.nasa.gov/comet/news65.html
[3] https://www.pnas.org/doi/full/10.1073/pnas.2113315118
[4] https://www.wired.com/2015/01/fantastically-wrong-halleys-comet/
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 269 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 28 เม.ย. 66
เวลา 17:01:27
|