ตำรวจเชียงใหม่ คุมเข้ม วัยรุ่นป่วนเมือง ตั้งจุดสกัด-ตรวจยึดรถจยย. ตั้งแต่ ม.ค. ยึดแล้วกว่า 1,000 คัน จัดทำประวัติของกลุ่มต่าง ๆ ไว้กว่า 200 คน
|
|
VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
|
|
• ตำรวจเชียงใหม่ คุมเข้ม วัยรุ่นป่วนเมือง ตั้งจุดสกัด-ตรวจยึดรถจยย. ตั้งแต่ ม.ค. ยึดแล้วกว่า 1,000 คัน จัดทำประวัติของกลุ่มต่าง ๆ ไว้กว่า 200 คน |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 27 ก.ค. 66 เวลา 21:46:28 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาตรการคุมเข้มวัยรุ่นป่วนเมือง ทั้งการตั้งจุดสกัดและบังคับใช้กฎหมาย พร้อมเตือนประชาชนรู้เท่าทันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
วันที่ (25 ก.ค. 66) พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ว่า จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นและแก๊งต่าง ๆ รวมตัวกันก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีการถ่ายคลิปจากทั้งประชาชน และกลุ่มของผู้ก่อเหตุเอง แล้วนำไปโพสต์ในสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกิดความตื่นตระหนกต่อพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว
โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-ปัจจุบัน มีการเกิดเหตุในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว 15 ครั้ง ซึ่งสามารถจับกุมได้ทั้งหมด และมีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วมากกว่า 40 คน การรวมกลุ่มในลักษณะนี้จะเกิดเหตุต่อเนื่องกันหลายครั้ง แต่ละครั้งเมื่อถูกจับดำเนินคดีออกมาก็จะก่อเหตุซ้ำอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มมาตรการตั้งจุดสกัดและตรวจยึดรถจักรยานยนต์ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-ปัจจุบัน มีการยึดรถจักรยานยนต์ และให้ปรับปรุงแก้ไข กว่า1,000 คัน จัดทำประวัติของกลุ่มต่าง ๆ ไว้กว่า 200 คน นอกจากนี้ ยังได้มีการทำงานเชิงรุก โดยเมื่อพบว่ามีการรวมกลุ่มก็จะเข้าทำการควบคุมทันทีเพื่อไม่ให้รวมกลุ่มขับขี่ไปในทางสาธารณะ ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินคดีฟ้องทุกข้อหา ซึ่งขณะนี้กฎหมายอาญา ในข้อหาทำร้ายร่างกายได้เพิ่มโทษสูงขึ้น จากโทษปรับและจำคุกไม่เกิน 1 เดือน เป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งมีหลายครั้งที่ผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของบุตรหลาน กรณีที่ผู้กระทำความผิดอายุไม่เกิน 18 ปี ก็จะเรียกผู้ปกครองมาทำทัณฑ์บนซึ่งหากก่อเหตุซ้ำอีกอาจจะต้องดำเนินคดีถึงผู้ปกครองข้อหาปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งเด็กที่ก่อเหตุก็จะก่อเหตุอยู่ในกลุ่ม ซึ่งก็ได้ดำเนินการควบคุมให้อยู่ในความเรียบร้อยและไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว พร้อมยืนยันว่าตำรวจสามารถดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวให้อยู่ในความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่
อีกประเด็น คือ กรณีของอาชญากรรมเทคโนโลยี ที่มีทั้งหมด 14-15 ประเภท โดยตั้งแต่มีนาคม 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดช่องทางให้ผู้เสียหายได้แจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ thaipoliceonline.com ซึ่งเป็นการนัดหมายล่วงหน้าและดำเนินการอาญัติบัญชีก่อนเข้าดำเนินการที่สถานีตำรวจ ซึ่งปัจจุบันธนาคารจะมีการบัญญัติบัญชีต่าง ๆ ด้วยความรวดเร็ว โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565-ปัจจุบัน มีคดีเกิดขึ้นแล้วเกือบ 9,000 คดี ความเสียหายมากกว่า 150 ล้านบาท และดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาแล้วกว่า 300-400 คน
ทั้งนี้ คดีอาชญากรรมเทคโนโลยี เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งอยู่ในต่างประเทศ มีรูปแบบการทำงานผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่รวดเร็ว โดยใน 1 นาที สามารถเผยแพร่ข้อความหลอกลวงประชาชนได้นับ 100,000 คน ซึ่งสวนทางกับการทำงานในเชิงสอบสวน ที่เมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดจะต้องใช้พนักงานสอบสวน 1 คน หากมี 100 คดี ก็จะใช้พนักงานสอบสวนทำสำนวน 100 คน ส่งให้อัยการ 100 คน และส่งศาลพิพากษาอีก 100 บัลลัง ซึ่งจะไม่ทันการฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พยายามเน้นย้ำคือการป้องกัน ให้ข้อมูล สร้างความตระหนักให้ประชาชนได้เรียนรู้ถึงกลไกการหลอกลวงถึงมีหลายรูปแบบ ซึ่งรูปแบบที่เกิดมากที่สุดคือการซื้อ-ขาย สินค้าออนไลน์ หลอกร่วมลงทุน ทำกิจกรรม ซึ่งเกิดขึ้นในทุก ๆ วัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้ทำการออกแบบทดสอบวัคซีนไซเบอร์จำนวน 40 ข้อ เพื่อวัดภูมิ สร้างความรู้เกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์และรูปแบบกลโกง
ทั้งนี้ นอกจากประชาชนจะสามารถตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรรมต่าง ๆ แล้ว ยังสามารถตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัวจากการเปิดบัญชีและซิมม้า หรือการเปิดบัญชีแล้วขายให้กับกลุ่มอาชญากรรมเทคโนโลยีซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนมักโดนหลอกให้ไปร่วมทำงานที่ต่างประเทศ ด้วยทราบว่ามีรายได้ดี ซึ่งมักจะเป็นการทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือกลุ่มอาชญากรรมต่าง ๆ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและบังคับให้ทำงาน จึงขอเน้นย้ำประชาชนที่มีผู้ชักชวนไปทำงานที่ต่างประเทศให้ระมัดระวังเพราะหากไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมา และจะถูกกดขี่ข่มเหง บังคับให้ทำงานในสิ่งที่ไม่อยากทำ
ข้อมูล: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ / ข่าว-ภาพ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 207 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 27 ก.ค. 66
เวลา 21:46:28
|
|
|
|
|
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180
|
|
กรุณาอ่าน |
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป |
|
|
|