กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
รวบสาวแสบโกงเงิน10ล้าน
.............จับสาวแสบ............
ชาวบ้านเมืองน่านรวมตัวร้องตำรวจ ขอความช่วยเหลือ หลังถูกสาวแสบซึ่งเป็นคนในชุมชนอ้างชื่ออัยการ-ศาล ฉ้อโกงเงินร่วม 10 ล้านบาท ล่าสุดตำรวจออกหมายจับ และรวบตัวได้แล้ว เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2551 เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุม สภ.ภูเพียง จ.น่าน โดยมี พล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบภ.จ.น่าน,พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ รอง ผบก.ภ.จ.น่าน
เป็นหน.ชุดเฉพาะกิจ,พ.ต.อ.วีระชัย บั้งเงิน ผกก.สภ..สองแคว จ.น่าน หัวหน้าชุดสืบสวนปรามปรามผู้มีอิทธิพล และมือปืนรับจ้างและงานสืบสวนปรามปรามอาชญากรรม 14 ด้านของ ภ.จ.น่าน, พ.ต.อ.สิทธิโชด ทองศรี ผกก.สภ.ภูเพียง จ.น่าน,พ.ต.ท.ชาตรี หทยะวัฒน์ รอง ผกก.(สส.) สภ.ภูเพียง จ.น่าน,พ.ต.ท.ถาวร เต็มสวัสดิ์ (สบ.3),พ.ต.ต.ณัฐกรณ์ ดาวนันท์ สว.สส.ฯ, พ.ต.ต.นิรันคร์ ปวนธิ สารวัตรเวร สภ.ภูเพียง จ.น่าน พร้อมด้วยจนท.ตร.ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันจับกุมนางกรรณิกา ข่มแก้ว หรือ ดีอำภา อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 71 บ้านน้ำเกี๋ยน หมู่ 2 ต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน
ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดน่าน ที่ 17/2551 ลงวันที่ 29 ม.ค.51 ในข้อกล่าวหา ฉ้อโกงประชาชน,กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน ขณะที่ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง โดยได้ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันตามที่หมายศาลจังหวัดน่านออกให้ จึงได้จับกุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ในเบื้องต้นการจับกุมนางกรรณิกา ฯ ให้การภาคเสธ ว่า ได้กู้ยืมเงินจากผู้เสียหายทั้งหมดจริง แต่ไม่ได้ฉ้อโกงมาแต่อย่างใด หลังจากนั้น จนท.ตร.ชุดจับกุมจึงได้ความคุมส่ง พ.ต.ต.นิรันคร์ ปวนธิ สารวัตรเวร สภ.ภูเพียง จ.น่าน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังจากที่ พ.ต.ต.นิรันคร์ ปวนธิ สารวัตรเวร สภ.ภูเพียง จ.น่าน ได้รับแจ้งจากที่ นาย ชูศิลป์ สารรัตนะ รองนายก อบต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน พร้อมด้วยชาวบ้านตำบลน้ำเกี๋ยน อีก 25 ราย เมื่อวันที่ 16 มกราคม 51 เวลา 13.00 น. ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายพูลศักดิ์ ศรีเจริญ อัยการคุ้มครองสิทธิประชาชนจังหวัดน่าน (สคช.น่าน) กรณีถูกนางกรรณิกา ข่มแก้ว หรือ ดีอำภา ได้ทำสัญญากู้ยืมเงินแล้วไม่ยอมชดใช้
โดยให้มาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวโดยที่ผู้เสียหายแต่ละรายถูกนางกรรณิกาฯ อ้างว่าจะนำเงินไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจร้านวัสดุการเกษตร และนำไปร่วมลงทุนธุรกิจกับอัยการ ผู้พิพากษา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และอาศัยความเป็นคนในท้องถิ่นมีความคุ้นเคยกับชาวบ้านมานานเพื่อขอกู้ยืมเงินแต่ละรายเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสน บางรายถึงกับขายวัวทั้งฝูงเพื่อนำเงินไปร่วมลงทุนและให้กู้ยืม ซึ่งมีผู้เสียหายที่ให้กู้ยืมรวมทั้งหมด 25 ราย จำนวนเงินรวมเกือบ 10 ล้านบาท
หลังจากติดตามทวงถามรวมทั้งให้ศูนย์ยุติธรรมชุมชนไกล่เกลี่ยแล้ว นางกรรณิกาฯ ยอมรับและรับปากจะชดใช้ให้ชาวบ้านเป็นงวดๆ งวดละ 5 แสนบาท แต่พอถึงกำหนดก็บ่ายเบี่ยงและอ้างว่าเงินที่จะนำมาชำระหนี้ถูกโกงไปหมดแล้ว โดยชาวบ้านเกรงว่านางกรรณิกาฯ จะนำเงินที่กู้ยืมไปนำไปออกเงินกู้อีกทอดหนึ่ง หรือนำไปใช้ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ซึ่งอาจทำให้ไม่มีเงินมาชดใช้ชาวบ้านได้
ด้าน นายพูลศักดิ์ ศรีเจริญ อัยการประจำ สคช.น่าน หลังรับทราบรายละเอียดแล้วได้แนะนำทางข้อกฎหมายให้ผู้เสียหายนำหลักฐานสัญญากู้ยืมเงินเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการสอบสวน ดำเนินคดีกับนางกรรณิการ์ทั้งทางแพ่ง และทางอาญา หลังจากที่ได้รับแจ้งแล้ว ทาง พล.ต.ต.อรรถกิจ กรณ์ทอง ผบภ.จ.น่าน จึงได้สั่งการให้ตั้งชุดเฉพาะกิจที่จับกุมเพื่อดำเนินคดี นางกรรณิกา ข่มแก้ว หรือ ดีอำภา ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน,กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน
โดยมีผู้เสียหายที่มาแจ้งความไว้ จำนวน 25 คน มาสอบสวน ต่างให้การสอดคล้องต้องกันว่าได้ถูกนางกรรณิกา ข่มแก้ว หรือ ดีอำภา ผู้ต้องหานี้ได้มาขอกู้ยืนเงินไปลงทุนทำธุรกิจร่วมกับผู้อื่นโดยให้ผลตอบแทนร้อยละ 20 บาท ของเงินต้นต่อเดือน และได้แนะนำให้ไปแจ้งต่อ ๆ กันไปว่าให้ไปติดต่อผู้หรือแหล่งเงินทุนมาร่วมลงทุนด้วยมูลค่าความเสียหายของทรัพย์ จำนวน 6,389,347 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย เกือบ 10 ล้านบาท จึงได้ออกหมายจับดังกล่าว
จากการสอบสวนนางณันธีฯ ชาวบ้านผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า ชาวบ้านที่ถูกนางกรรณิกาฯ หลอกกู้ยืมเงินประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ได้กู้ยืมเมื่อประมาณ พ.ศ.2548 โดยเริ่มยืมจำนวน 50,000 บาท โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาท ต่อสัปดาห์ โดยได้จ่ายดอกเบี้ยตลอดมาจนได้รับความเชื่อถือได้จึงได้ให้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมได้แจ้งให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดทราบข่าวว่ามีการให้ผลการตอบแทนเป็นดอกเบี้ยในอัตราสูง จึงได้ร่วมทั้งไปกู้เงินจากผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบอีกหลายรายโดยเสียดอกเบี้ยเป็นรายวัน รายสัปดาห์ในอัตราสูง/ต่ำแตกต่างกันไปส่วนใหญ่ก็ยังเป็นหนี้ และมีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ที่ให้ยืมเพราะเห็นใจและต้องการสนับสนุนลูกหลานคนบ้านน้ำเกี๋ยน ที่ดูมีความตั้งใจประกอบอาชีพและไม่มีประวัติด่างพร้อย
หลังเกิดเหตุก็เกรงว่าจะไม่ได้เงินคืน หวังพึ่งให้เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และนำคนกระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างได้เดินทางไปแจ้งความต่อ พ.ต.ต.นิรันดร์ ปวนธิ สารวัตรเวร สภ.ภูเพียง จ.น่าน เพื่อดำเนินคดีต่อนางกรรณิกาฯ ต่อมา พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ รอง ผบก.ภ.จ.น่าน กล่าวอีกว่า ในการกู้ยืมเงินกันในครั้งนี้ มีผู้หายที่ให้นางกรรณิกาฯ ยืนเงิน สูงสุด ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ต่ำสุดประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท แล้วจากการนำหมายค้นเข้าไปตรวจค้นที่บ้านพักอาศัยของผู้ต้องหาเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้
โดยชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายสินค้าทางการเกษตร จำพวกสารเคมี และจากการตรวจค้นก็พบเอกสารเกี่ยวกับการเงินเป็นจำนวนมาก โดยมีนายประสิทธิ์ฯ ซึ่งเป็นพ่อและนางกรรณิกาฯ นำพาในการตรวจค้น จึงได้ยึดไว้เพื่อตรวจสอบในการดำเนินคดี และในการจับกุมนางกรรณิกาฯ ได้ติดต่อทนายมานั่งเป็นพยานในคดีนี้ด้วยและไม่ยอมให้ผู้เสียหายชี้ตัวและนำตัวมาแถลงข่าวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ต้องหา
โดยนายประสิทธิ์ ฯ ได้เปิดเผยว่าเกี่ยวกับในการฉ้อโกงของนางกรรณิกาฯ ลูกสาวในครั้งนี้ตนเองก็ไม่รู้เรื่องมาก่อนมารู้ก็ต่อเมื่อ จนท.ตร.นำหมายจับเข้าจับกุมแล้ว โดยปกติแล้วลูกสาวของตนเองก็ได้เปิดร้านจำหน่ายสินค้าการเกษตรและออกจากบ้านไปทุกวันแต่ไม่รู้ว่าไปทำอะไรและก็มีชาวบ้านเข้าออกบ้านเป็นประจำตนเองก็ไม่ได้สนใจ โดยในส่วนตัวแล้วตนเองก็ยังมีหนี้สินส่วนหนึ่งกับธนาคารอยู่ และรู้สึกเสียใจมากเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ข่าวจากเชียงใหม่นิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|