• มท.1 สั่งยกระดับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น (PM 2.5) 6 ด้าน ย้ำ ห้ามเผาเด็ดขาด กำชับผู้ว่าฯ สั่งการด้วยระบบ Single Command บังคับใช้กฎหมายห้ามเผาอย่างเคร่งครัด |
โพสต์โดย คนข่าว , วันที่ 29 ม.ค. 68 เวลา 15:05:40 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
วันนี้ (29 ม.ค. 68) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมราชสีห์ อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พลเอกนิพันธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายขจร ศรีชวโนทัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา นายอนุชิต สุขนรินทร์ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค นางสาวปรียาพร สุวรรณเกตุ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 ผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทุกเขต หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด เข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และจากการติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่องพบว่าสถานการณ์ฝุ่นในหลายพื้นที่ยังมีเกินค่ามาตรฐาน รัฐบาลจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มกำลังเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อประชาชน โดยตนได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มข้นในทุกมิติ บังคับใช้กฎหมายห้ามเผาอย่างเคร่งครัด และบูรณาการทุกหน่วยงานในการระดมสรรพกำลังในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ และทำงานโดยใช้ระบบการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command)
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า แม้สภาพอากาศในห้วงสองวันที่ผ่านมามีลมหนาวพัดเข้ามาปกคลุมพื้นที่ประเทศไทย ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยังคงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ค่าฝุ่น PM 2.5 กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว โดยขอย้ำให้หน่วยงานทุกภาคส่วน จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยนำแนวทางมาตรการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติไปขับเคลื่อนการปฏิบัติให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
“ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันอย่างสุดความสามารถ ในฐานะตัวแทนรัฐบาลที่ขับเคลื่อนโดยกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติต้องร่วมกันเร่งแก้ไขปัญหา PM 2.5 ให้ได้เร็วที่สุด และให้ทุกหน่วยงานที่ร่วมประชุมวันนี้ประสานหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้ร่วมมือและถือปฏิบัติตามมาตรการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิดฝุ่น PM 2.5 มาจากการเผาในพื้นที่การเกษตร ในตรงนี้ตนมองว่าเราต้องควบคุมการเผาในพื้นที่ประเทศไทยก่อน เพื่อที่ประเทศเพื่อนบ้านจะได้ให้ความร่วมมือ และอาจนำการ sanction งดซื้อหรือนำเข้าสินค้าจากประเทศที่มีการเป็นต้นเหตุของปัญหา ทั้งนี้ สำหรับมาตรการลดการเผาในพื้นที่ต้องขอความร่วมมือกับเกษตรกรใช้การฝังกลบแทนการเผา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนับสนุนและจัดหาเครื่องทุ่นแรงเพื่อให้เกษตรกรเลิกการเผา“
นายอนุทิน ยังกล่าวย้ำว่า “หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ทั่วถึง ครอบคลุม ไม่มีผ่อนปรน แม้ประชาชนบางส่วนอาจบอกว่าไม่ทราบว่ามีมาตรการนี้มาก่อนและขอผ่อนผันการดำเนินการทางกฎหมาย ตรงนี้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า โดยใช้กลไกของท้องถิ่น ท้องที่ อาสาสมัคร แจ้งประชาชนถึงการคุมเข้มและการรับผิดทางกฎหมาย หากมีการกระทำผิดเกี่ยวกับการทำให้เกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ทุกจังหวัดต้องมีการรณรงค์อย่างเต็มที่เพื่อลดการหยุดเผาควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายป้องปราม ตรวจจับ และดำเนินคดี อย่างไม่มีข้อยกเว้นในทุกกรณี และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเต็มที่ด้วยการสั่งการแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Single Command เพื่อควบคุมการเผาและการเกิดฝุ่นพิษในพื้นที่“
“สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เราต้องยกระดับ 6 มาตรการสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเร่งด่วน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด โดยมาตรการด้านการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนสถานการณ์อย่างทันท่วงที ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เพื่อแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย สนับสนุนข้อมูลและคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์เพื่อให้วางแผนการแก้ไขปัญหาล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ รวมถึงประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์ แนวทางการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในส่วนของมาตรการป้องกันปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาด ให้หน่วยงานทำงานทั้งเชิงรุกและรับเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ลดการเกิดฝุ่นจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ อย่างครอบคลุม โดยแบ่งการจัดการปัญหาเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่เมือง รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดการหมอกควันข้ามแดน สำหรับมาตรการลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนให้มีน้อยที่สุด ยังคงเน้นการออกหน่วยบริการประชาชน การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น และการเตรียมพื้นที่ปลอดภัยและห้องปลอดฝุ่นไว้บริการประชาชนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ และเพิ่มการประสานหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานราชการให้ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบ อาทิ การ Work from Home การตรวจสภาพรถยนต์ไม่ให้ควันดำ การลดการใช้ยานยนต์ที่มีการสันดาปและก่อให้เกินควัน ส่วนด้านมาตรการการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอย่างเข้มข้น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการแบบเบ็ดเสร็จด้วยรูปแบบ Single Command โดยมีหน่วยงานในพื้นที่ร่วมสนับสนุนข้อมูล อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ตลอดจนปฏิบัติตามข้อสั่งการและนำมาตรการต่าง ๆ ไปบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ในส่วนของมาตรการสนับสนุนงบประมาณ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดกระบวนการพิจารณางบประมาณเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้ทันต่อสถานการณ์ สำหรับมาตรการสุดท้ายคือมาตรการขับเคลื่อนกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ซึ่งจะเน้นการติดตามสถานการณ์และผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาล่วงหน้า และให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที โดยกำหนดให้มีการจัดประชุมร่วมกันทุกภาคส่วนเป็นประจำทุกวันเพื่อรายงานสถานการณ์และผลการปฏิบัติงาน พร้อมกับการจัดตั้งข้อมูลข่างสารร่วม (JIC) สื่อสารข้อมูลสถานการณ์และประชาสัมพันธ์ข้อแนะนำในการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย” นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านการพยากรณ์เฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยให้แก่ประชาชน และการสนับสนุนทรัพยากร อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ร่วมปฏิบัติการในระดับพื้นที่ โดยปัจจุบัน ได้สั่งเตรียมพร้อมเครื่องจักรกลปฏิบัติการ ด้านภัยจากไฟป่าและหมอกควัน ประจำศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ให้พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติการลดผลกระทบจากปัญหาไฟป่า หมอกควัน และแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของพื้นที่ รวมถึงได้สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมทีมนักบิน ช่างประจำอากาศยาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนอากาศยาน ไปประจำการ ณ ฐานปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 จ.เชียงใหม่ จำนวน 1 ลำ และประจำการ ณ ฝูงบิน 416 จ.เชียงราย จำนวน 1 ลำ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ภูเขาสูงที่ยากต่อการเข้าถึง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ สวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งจนกว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จะคลี่คลาย สำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หากมีอาการเจ็บคอ ไอหรือจามเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล หายใจหอบ เหนื่อยง่าย ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการเผาป่า เผาหญ้า หรือทำพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 สามารถแจ้งหน่วยงานในพื้นที่ให้เข้าระงับเหตุและบังคับใช้กฎหมายได้โดยตรง หรือโทรแจ้งสายด่วนนิรภัย 1784 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อประสานดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ลิงก์ผู้สนับสนุน
กระทู้/ข่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 45 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 29 ม.ค. 68
เวลา 15:05:40
|